วันนี้เราจะมาสอนสร้างตัวละคร Shadowrun กันทีละเสต๊ปนะครับ
Shadowrun 5th Edition Character Sheet แผ่นที่หนึ่ง
Shadowrun 5th Edition Character Sheet แผ่นที่สอง
STEP 1: คิด Role กับ Concept ตัวละคร
เมื่อมีผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือระดับ Megacorperation พวกคุณเหล่า Shadowrunners ก็จะรวมตัวกันเป็นทีม ผสมผสานความสามารถที่หลากหลายของพวกคุณเป็นหนึ่ง ภารกิจของพวกคุณไม่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยตัวคุณคนเดียว Shadowrunners บางทีมก็รวมตัวกันเฉพาะกิจ เมื่อจบงานก็แยกย้ายกันไป แต่บางทีมก็อยู่กันเหมือนครอบครัว ร่วมทีมกันจนกว่าจะตายจากหรือเกษียณกันไป ROLES หรือบทบาทของตัวละครต่อไปนี้เป็นเพียงไกด์ไลน์ให้คุณได้เลือกเท่านั้น
Face
- บทบาทของคุณคือ Face (เฟส) ยอดนักต้มตุ๋น จ้าวแห่งการต่อรอง สืบเสาะเลาะรู้ว่าเป้าหมายต้องการสิ่งใดแล้วนำมันมาบรรเลงเหมือนงานศิลปะ มักจะมีความเป็นผู้นำสูง
- ในวันที่คุณต้องนัดพบกับ Mr. Johnson (โค้ดเนมที่ใช้เรียกชื่อผู้ประสานงานระหว่าง Shadowrunner กับผู้ว่าจ้าง) คุณมักจะเป็นผู้เข้าไปเจรจาต่อรองราคาค่าตัวของพวกคุณ
- เฟสจะถนัดการวิ่งงาน เกลี้ยกล่อม บีบบังคับรีดเอาข้อมูลสำคัญกับเส้นสายน้อยใหญ่ของเขาเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
- แม้นว่าเฟสมักจะจัดการกับภารกิจด้วยเสน่ห์และรอยยิ้มแต่เขาก็สามารถจะเล่นบทโหดเพื่อทำให้เป้าหมายสำรอกความจริงออกมาได้เช่นกัน
- อาวุธของเฟสคือ Charisma (CHA) กับ Willpower (WIL) เป็น Attributes คุณสมบัติหลักแต่เอาปืน Ares Predator ยัดปากเลยก็สะดวกดี
Spellcaster
- บทบาทของคุณคือ Spellcaster (สเปลคาสเตอร์ ผู้ร่ายเวทย์) อัดสายฟ้า manabolt ใส่อกแล้วซัดลูกบอล fireball ใส่หน้าคืองานของคุณในสนามรบ
- มากไปกว่านั้น คุณจะเป็นผู้บังคับและควบคุมพลังมานาซึ่งก็คือแก่นของเวทย์มนต์ทั้งปวง คุณสามารถใช้พลังมานานี้ในการร่ายเวทย์หลากหลายรูปแบบซึ่งก็ทำให้สเปลคาสเตอร์นั้นมีหลายสายหลายประเภท
- Magicians (เมจิเชี่ยน) จะใช้ระบบเวทย์มนต์ที่มีหลักการและเป็นระเบียบ
- Shaman (ชาแมน) จะเน้นหนักไปทางสัญชาติญาณ
- ตัวละครที่เป็นสเปลคาสเตอร์จะต้องเลือก Priority (จะอธิบายในตอนต่อไป) ที่ทำให้ตัวละครนี้มี Magic (MAG) เป็น Attributes คุณสมบัติหลัก และอาจมี Charisma (CHA) หรือ Intuition (INT) ซึ่งก็แล้วแต่สไตล์การเป็นนักเวทย์ของคุณ
- และสุดท้าย คุณควรจะมี Willpower (WIL) เพื่อกันไม่ให้เกิดการ Drain (อาการอ่อนล้าหลังการร่ายเวทย์)
Decker
- บทบาทของคุณคือ Decker (เด็คเกอร์) และในโลกที่ Internet กลายเป็นโลก The Matrix ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ซ้อนทับอยู่ในทุกๆสิ่งที่คุณมองเห็นในชีวิตประจำวัน คุณก็คือสายฟ้าฟาดที่วิ่งผ่านหางตาของผู้คนในระบบ
- ในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ คุณคือผู้เชี่ยวชาญการแฮ็คคอมพิวเตอร์ แฮ็ค commlinks (อุปกรณ์ที่ผู้เล่นใช้เชื่อมต่อกับ The Matrix โลกออนไลน์) และฐานข้อมูล datahavens ต่างๆ
- งานของคุณคือการลักขโมย เปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อมูล รวมถึงการเข้าควบคุมและดัดแปลงระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อให้เพื่อนในทีมสามารถเข้าออกอาคารได้อย่างปลอดภัย
- เด็คเกอร์ที่ดีจะต้องรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าคุณจะต้องควักปืนขึ้นมายิงระหว่างการปลดอาวุธของศัตรูแล้วสั่งให้ปืนกลอัตโนมัติของอาคารหันไปซัดใส่ฝ่ายรปภ.พร้อมๆกันก็ตาม
- คุณจะมีอุปกรณ์คู่กายคือ Cyberdecker หรือก็คืออุปกรณ์ในการแฮ็คของคุณนั่นเอง
- คุณควรจะสร้างตัวละครที่เน้น Logic (LOG), Intuition (INT) และ Willpower (WIL) เป็นหลัก
Technomancer
- บทบาทของคุณคือ Technomancer (เทคโนแมนเซอร์) คนอื่นอาจแฮ็คระบบ The Matrix ด้วยอุปกรณ์ต่างๆแต่น้อยคนนักที่จะสามารถล็อกออนด้วยพลังจิตล้วนๆอย่างคุณได้
- คุณจะสามารถเข้าออก The Matrix ด้วยพลังจิตโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆเลยได้
- จนถึงบัดนี้ในปี 2075 ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถอธิบายได้ว่าเหล่าเทคโนมานเซอร์นั้นทำได้อย่างไร
- หากคุณต้องการจะเล่นเป็นเทคโนแมนเซอร์ คุณจะต้องเลือก Priority (จะอธิบายในตอนต่อไป) ที่ทำให้ตัวละครนี้มี Resonance (RES), Logic (LOG), Intuition (INT) และ Willpower (WIL) เป็นหลัก
Rigger
- บทบาทของคุณคือ Rigger (ริกเกอร์) ในขณะที่บางคน"ขับรถ" แต่ยานพาหนะสำหรับบางคนเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของอวัยวะที่คุณจะบังคับมันได้ดั่งใจนึก
- คุณคือคนจำพวกนั้น ริกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญในการบังคับ ซ่อมแซม ดัดแปลงยานพาหนะ, โดรน และเครื่องจักรทุกรูปแบบ
- โดรนของคุณจะคอยสอดส่องระวังภัยและกราดปืนกลคอยช่วยเหลือเพื่อนๆในสงคราม ยานของคุณจะคอยขนย้ายเพื่อนๆในทีม
- Reaction (REA) คือ Attributes คุณสมบัติหลักของคุณ
Street Samurai
- บทบาทของคุณคือ Street Samurai (สตรีทซามูไร) ในขณะที่ศิลปินหลายๆคนถนัดในงานสีน้ำหรือสีน้ำมัน เหล่าสตรีทซามูไรจะถนัดในศิลปะแห่งความเจ็บปวด
- ไว้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม คุณจะรู้จักกรรมวิธี 15 รูปแบบในการทำร้ายศัตรู และอีก 8 รูปแบบในการทำร้ายศัตรู"แรงๆ"
- คุณจะสามารถยืนรับการโจมตีของศัตรูได้ในปริมาณมหาศาล ในขณะเดียวกันก็จะสามารถซัดการโจมตีที่โหดเหี้่ยมรุนแรงกลับไปหาเหล่าศัตรูได้ด้วยเช่นกัน
- คุณมักจะดัดแปลงร่างกายของตนเองจนเต็มไปด้วย cyberware และ bioware เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกายภาพ
- คุณคือปีศาจในสนามรบที่มักจะยึดถือหลักการบางอย่างไว้ในจิตใจ หลักการนี้จะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือของสำนักก็เป็นได้
- Body (BOD), Strength (STR) และ Agility (AGI) คือ Attributes คุณสมบัติหลักของคุณ
CONCEPT
เมื่อได้เลือก ROLES แล้วก็ให้คุณเริ่มคิดถึง CONCEPT แนวคิด เรื่องราวความเป็นมาของตัวละครนั้นๆ เช่น
- อดีตทหารของรัฐบาล เอาวิชาการสงครามที่ฝึกมาออกมาใช้บนท้องถนนแห่ง Shadowrun
- อดีตฝ่ายบุคคลที่ถูกคู่แข่งบีบให้ออกจากงานใน Megacorperation ใช้ความสามารถในการต่อรองและปิดการขายในการเอาตัวรอด
- เป็น Shadowrunner รุ่นที่สอง มีพ่อแม่ที่เป็น SINless (ไม่มี System Identification Number) เหมือนไม่มีตัวตนในสังคมหรือระบบใดๆ
- นักล่าค่าหัวที่ทำงาน Shadowrun เป็นงานเสริมรายได้พิเศษ
- เติบโตมาในสลัมหรือในแก๊งข้างถนน Shadowrunning อาจเป็นหนทางที่จะสลัดกำพืดของตน
- พึ่งออกจากคุก นำวิชาความรู้และเส้นสายที่ได้รับจากในคุกมาใช้บนท้องถนนแห่ง Shadowrun
STEP 2: เลือกเผ่า Metatype
มนุษย์เป็นเผ่าที่อยู่บนโลกนี้มานานที่สุด (ถ้าข่าวลือเกี่ยวกับพวกเอลฟ์ไม่ใช่เรื่องจริง) หากคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็มีโอกาสสูงว่าคุณก็เป็นมนุษย์เช่นกัน มนุษย์มีความสามารถที่สมดุล และแลดูเหมือนจะมีโชคดีมากกว่าเผ่าไหนๆ
2. Dwarfs (คนแคระ / Homo sapiens pumilionis)
เตี้ยและป้อมกว่ามนุษย์ แข็งแรงและฟื้นตัวได้รวดเร็ว ขยันขันแข็งทำงานหนัก เป็นที่ต้องการของเหล่าองค์กรทั้งหลาย ผูกพันธ์กับสังคมมนุษย์มากกว่า Metatype ไหนๆ หล่าคนแคระยังคงถูกแบ่งแยกเผ่าพันธุ์เลือกปฏิบัติอยู่บ้างเพราะขนาดของตน พวกเขามักจะต้องพยายามมากกว่าเผ่าอื่นๆเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมของพวกมนุษย์ได้อย่างเท่าเทียม
3. Elves (เอล์ฟ / Homo sapiens nobilis)
หากจะเทียบกับมนุษย์ เผ่าเอล์ฟจะสูงกว่า ผอมกว่า หูแหลมชี้ พริ้วไหวปราดเปรียวกว่า หน้าตาดีกว่า อายุยืนกว่ามากๆ แม้นจะอายุ 40-50 ก็ยังดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ มีข่าวลือมาว่า ตอนเข้าสู่ยุคโลกที่ 5 ที่เวทย์มนต์ทั้งหลายสูญหายไปจากโลกนั้น มีเอลฟ์บางกลุ่มแอบหลบซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆข้ามยุคข้ามสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ในโลกที่ 6 ที่เวทย์มนต์กลับมาอีกครั้ง หากเป็นเรื่องจริง พวกเขาก็จะมีอายุเก่าแก่มากกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆในโลกเลยทีเดียว
4. Orks (ออค / Homo sapiens robustus)
เผ่าพันธุ์ที่แลดูเหมือนสิ่งมีชีวิตตัวร้ายในหนังแฟนตาซีที่ถูกพระเอกฆ่าตายดั่งใบไม้ร่วงตลอด 150 ปีที่ผ่านมา พวกออคมีคิ้วที่หนายื่น มีเขี้ยวมีงาบนปากที่โดดเด่น และร่างกายที่สูงใหญ่กำยำ เหล่าออคมากมายพยายามหลีกเลี่ยงภาพพจน์ติดตัวที่ชอบใช้กำลังและความรุนแรงอย่างไร้สมอง แต่ก็มีออคส่วนมากที่พอใจจะใช้ชีวิตตามแบบฉบับภาพลักษณ์หัวรุนแรงนั้นอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างออคกับมนุษย์นั้นตึงเครียด แยกกลุ่มสังคมไม่คบหากันเท่าที่ควร ในขณะเดียวกัน เหล่าเอล์ฟและเหล่าออคนั้นไม่ถูกกันแบบสุดๆและขอไม่อยู่ร่วมประเทศเดียวกันเลยทีเดียว แท้จริงแล้ว เหล่าออคนั้นไม่ได้เป็นดั่งภาพลักษณ์หัวรุนแรงนั้นเพียงอย่างเดียว คุณสามารถพบเผ่าออคได้ตั้งแต่เขตย่านสลัมยันห้องทำงานของ CEO เลยทีเดียว ช่วงอายุของออคนั้นจะสั้นกว่ามนุษย์จึงทำให้เหล่าออคมักจะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้
5. Trolls (โทรล / Homo sapiens ingentis)
ถ้าเทียบกับโทรลแล้วเผ่าออคก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปบนท้องถนน โดยเฉลี่ยแล้วเผ่าออคจะสูงกว่ามนุษย์ประมาณ 25 ซ.ม. แต่เผ่าโทรลนั้นจะสูงกว่าเผ่าออคประมาณครึ่งเมตร (ถ้าเทียบกับมนุษย์ก็สูงกว่ากันเกือบเมตร!) ในขณะที่เผ่าออคจะเหมือนมนุษย์ที่เป็นสัตว์ประหลาดแต่เหล่าโทรลนั้นจะเหมือนสัตว์ประหลาดในฝันร้ายที่มีร่างคล้ายมนุษย์ เผ่าโทรลมีเขาที่หนาและใหญ่โง้งงออยู่บนหัว โทรลบางตัวก็เลือกจะหั่นมันออกแต่บางตัวก็ขัดถูดูแลเขาของตนอย่างดี ตามข้อต่างๆของร่างกายจะมีกระดูกงอกแหลมทิ่มแทงออกมาเหมือนอาวุธ โทรลหลายๆตัวก็เลือกจะเป็นผู้ทำลายตามภาพลักษณ์ของตน แต่บางตัวก็ไม่สนใจเรื่องความรุนแรง และพยายามหาบทบาทในสังคมแบบอื่นๆ ด้วยภาพลักษณ์สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ทำให้พวกเขาเข้าในสังคมค่อนข้างยาก เผ่าออคนั้นเปิดใจยินดีต้อนรับเผ่าโทรลมากกว่าเผ่าอื่นๆ Metatype ทั้งสองมักใช้ชีวิตอยู่ในสังคมละแวกใกล้เคียงกัน ในตารางด้านล่างนี้คุณจะต้องเลือกว่า จาก A-D คุณจะเลือก Priority ระดับไหน เมื่อคุณเลือกแล้ว ในลำดับขั้นต่อไป คุณก็จะเลือกระดับ A-D นั้นซ้ำไม่ได้อีก
เลือก Priority ของ Metatype เผ่าต่างๆ
- Edge (EDG): พลังที่จับต้องไม่ได้ซึ่งไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม คุณจะสามารถดึงมันมาใช้เพิ่มพลังให้ตนเองได้ในยามฉุกเฉิน
- Magic (MAG):ตรงๆ… มันคือพลังเวทย์ของคุณ
- Resonance (RES): เหล่าพ่อมดแห่งเทคโนโลยี Technomancers จะใช้พลังบิดเบือนความเป็นจริงได้ในโลก The Matrix ซึ่ง Resonance ก็คือระดับของพลังนั้น
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากเป็น Troll คุณจะต้องเลือกระดับ A หรือ B เท่านั้น ยังไม่ต้องเครียดครับ เลือกไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาแก้ทีหลังก็ยังได้
เลือก Priority ของ Attributes (คุณสมบัติทางกายและจิต)
แต้มที่เห็นในรูปนี้จะนำมาใช้อัพคุณสมบัติทางกายและจิตต่างๆเหล่านี้
- Physical Attributes คุณสมบัติทางกายภาพ
- Body (BOD): ความอดทนของร่างกายต่ออาการบาดเจ็บ ยาพิษ โรคร้าย และอื่นๆ
- Agility (AGI): ความคล่องแคล่วของข้อต่อในร่างกาย ความยืดหยุ่น บาลานซ์ ความแม่นยำ
- Reaction (REA): ปฎิกิริยาตอบสนอง ประสาทสัมผัส หลบหลีกการโจมตี
- Strength (STR): ความแข็งแรง พลังของกล้ามเนื้อ ยกของ ความเร็วในการกรีฑา
- Mental Attributes คุณสมบัติทางจิต
- Willpower (WIL): พลังใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรค การร่ายเวทย์มนต์
- Logic (LOG): พลังที่จะคำนวน วิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น ซ่อมแซมอุปกรณ์หรือเย็บแผลให้เพื่อน
- Intuition (INT): สัญชาติญาณที่จะเตือนคุณก่อน Logic จะไหวตัวทัน
- Charisma (CHA): พลังแห่งบุคลิกภาพของคุณ น้ำเสียง ใบหน้า คำพูดคำจา
เมื่อเลือก Attribute Priority แล้วก็มาดูตาราง Attribute เริ่มต้นของแต่ละเผ่า
เช่น ผมเลือก Priority
- Metatype = C (Ork) ไม่มีแต้ม Special Attribute
- ความสามารถเผ่าคือมี Low light vision ให้เขียนไว้ที่ Other Abilities ที่มุมขวาล่างของแผ่นที่สอง
- Attribute = A มี 24 แต้ม
- ก็จะเขียน Attribute ทั้ง 8 และ Essence ลงแผ่นตัวละครแบบนี้ไว้ก่อน อย่าพึ่งเอาแต้มไปอัพจะได้ไม่งง (อายุ ส่วนสูง และน้ำหนักสามารถดูมาตรฐานแต่ละเผ่าได้ที่หน้า 380)
- อย่าพึ่งคำนวน INI เดี๋ยว Attribute เราอาจเปลี่ยนไปอีก
แล้วผมจึงนำ 24 แต้มนั้นไปอัพตามใจชอบ โดยในการสร้างตัวละคร จะมี Attribute ที่เต็มขีดจำกัดได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น!
ยกตัวอย่างเช่น 4/6 แปลว่า ตัวคุณมี 4 แต่ลิมิตของเผ่าพันธุ์คุณจะได้มากสุดคือ 6
STEP 3: เลือก Magic หรือ Resonance (ถ้าใครเลือก Magic or Resonance Priority E ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยเพราะคุณไม่มีพลังเวทย์มนต์ใดๆเลย)
จากเหตุการณ์ Awakening ทำให้เวทย์มนต์กลับคืนสู่โลกมานานกว่า 60 ปีแล้ว ถึงกระนั้น จำนวนผู้ที่มีความสามารถใช้เวทย์มนต์ก็ยังเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับประชากรของโลกอยู่ดี ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาถึงได้ถูกทั้งชื่นชมและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ผู้คนที่ไร้พลังต่างหวาดกลัวเหล่าผู้ใช้เวทย์มนต์ ตลอด 60 กว่าปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์จราจลและสยองขวัญมากมายที่เกิดขึ้นจากการใช้เวทย์มนต์ในทางที่ผิด ด้วยเหตุนี้เอง เวทย์มนต์ระดับ 3 หรือสูงกว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ในหลายสถานที่ เจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย (ไม่อยากใช้คำว่าตำรวจเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของ Megacorporation) จะสามารถเข้าตรวจสอบใบอนุญาตนี้ เข้าบุกรุกสถานที่เพื่อตรวจสอบโดยไม่ต้องมีหมายค้น บางที่ถึงกับเก็บตัวอย่างเลือดของผู้ใช้เวทย์เพื่อใช้ระบุตำแหน่งผู้ใช้เวทย์มนต์ (ด้วยเวทย์มนต์) ได้ในทันที และด้วยเหตุนี้เองที่ Shadowrunner ผู้ใช้เวทย์หลายๆคนจะมี ID และใบอนุญาตปลอมเพื่อป้องกันปัญหากับทางเจ้าหน้าที่ ด้วยความที่ผู้ใช้เวทย์มนต์เป็นบุคลากรที่หาได้ยาก เมื่อคุณจดทะเบียนเวทย์ของคุณก็จะมี Megacorporation หลายแห่งมาพยายามซื้อตัวคุณเข้าองค์กรในทันที ผู้ใช้เวทย์มีหลายรูปแบบซึ่งแต่ละแบบก็มักจะเขม่นใส่พวกที่ไม่ใช่แบบตน Aspected Magician มีความสามารถที่จำกัดจึงมักจะถูกกีดกัน ถูกดูถูกว่าไม่ใช่ผู้ที่เบิกเนตร Awakened แล้วอย่างแท้จริง
ประเภทของเหล่าผู้ใช้เวทย์ในมี 4 ประเภทหลักๆดังนี้
Adepts (อะเดพท์)
STEP 7: ใช้ Karma ที่เหลือ
มิตรสหาย Contacts:
- เกณฑ์พลัง mana เข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มพลังให้คุณสมบัติทางธรรมชาติต่างๆทำให้ความสามารถพิเศษและสกิลของพวกเขามีระดับสูงขึ้น
- ไม่สามารถถอดจิต astrally project เข้าสู่ภพแห่งเวทย์ astral plane ได้ (หน้า 313)
- สามารถมองเห็นภพแห่งเวทย์โดยการอัพพลัง Astral Perception power (หน้า 312)
- สามารถเรียน Assensing skill ได้ก็ต่อเมื่อมีพลัง Astral Perception power เท่านั้น
- ไม่สามารถใช้ skills จาก magic-related skill groups ที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนต์ได้ (Sorcery, Conjuring, หรือ Enchanting)
- สามารถติดตาม follow mentor spirits (หน้า 320) ปรึกษาคำแนะนำจากภูติวิญญาณได้
- มีพลัง Adept Powers ที่สามารถซื้อได้ด้วย Power Points ซึ่งมีปริมาณเท่ากับระดับ Magic ของตน
- สามารภ astrally perceive มองเห็นภพเวทย์ได้
- สามารถ astrally project ถอดจิตไปภพเวทย์ได้
- สามารถเลือก magical skills หรือ skill groups (Sorcery, Conjuring, Enchanting) แบบใดก็ได้ตามใจชอบ
- สามารถร่ายเวทย์ เรียกวิญญาณสปิริต หรือปลุกเสกสิ่งของไอเทมได้
- ตอนสร้างตัวละคร magicians ที่สามารถร่ายเวทย์หรือเตรียมเครื่องปรุงยา จะสามารถเรียนรู้สูตรวิชาต่างๆในแต่ละกรุ๊ปได้มากสุดเท่ากับระดับ Magic X 2 (เช่น หากคุณมี Magic ระดับ 4 คุณจะสามารถร่ายเวทย์ได้ 8 spells ทำพิธีได้ 8 rituals และมีสูตรปรุงยาได้ 8 รูปแบบ
- Aspected magicians คือ magician ที่มีขีดจำกัดต่ำ
- ไม่สามารถ astrally project ถอดจิตไปภพเวทย์ได้
- สามารถ astrally perceive มองเห็นภพเวทย์ได้
- จะต้องเลือก "เพียงหนึ่งอย่าง" จากสาม Skills/Skill Groups ดังนี้
- Sorcery (Spellcasting การร่ายเวทย์ และสกิลที่เกี่ยวข้อง)
- Conjuring (Summoning การอัญเชิญ และสกิลที่เกี่ยวข้อง)
- Enchanting (Alchemy แร่แปรธาตุ ปลุกเสกและสกิลที่เกี่ยวข้อง)
- ไม่สามารถใช้ magical skills ที่เกี่ยวข้องกับอีกสองกรุ๊ปที่ไม่ได้เลือกได้
- สามารถเรียนรู้วิชา Counterspelling ได้ถ้าคุณเลือกสาย spellcaster
- สามารถติดตาม follow mentor spirits ปรึกษาคำแนะนำจากภูติวิญญาณได้
- ตอนสร้างตัวละคร Aspected magicians ที่สามารถร่ายเวทย์ ทำพิธีหรือเตรียมเครื่องปรุงยา จะสามารถเรียนรู้สูตรวิชาต่างๆในแต่ละกรุ๊ปได้มากสุดเท่ากับระดับ Magic X 2 (เช่น หากคุณมี Magic ระดับ 4 คุณจะสามารถร่ายเวทย์ได้ 8 spells ทำพิธีได้ 8 rituals และมีสูตรปรุงยาได้ 8 รูปแบบ
- Mystic adepts คือสายผสมระหว่าง magicians กับ adepts
- ไม่สามารถ astrally project ถอดจิตไปภพเวทย์ได้
- จะ astrally perceive มองเห็นภพเวทย์ได้ถ้าเลือกซื้อพลัง Astral Perception adept power
- ซื้อเวทย์ spells/ พิธี rituals/ เตรียมยา preparations เหมือน magicians
- จะต้องซื้อ Power Points ของตนด้วยแต้ม Karma เท่านั้น (ตอนสร้างตัวละครจะต้องใช้ 2 Karma ต่อ 1 Power Point และซื้อได้เท่ากับระดับของ Magic)
- สามารถเลือกสกิลจาก Enchanting, Sorcery, หรือ Conjuring skill groups ได้ตามใจชอบ
คุณจะต้องเลือก Priority ที่มีสายนักเวทย์ที่คุณอยากจะเล่น
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมเลือก Priority Magic or Resonance = B แล้วเลือกสาย Adept ผมก็จะมี
- Magic 6 เขียนลงไปในแผ่น Character Sheet ได้เลย
- Active Skill ระดับ Rating 4 ฟรี 1 ชนิด
ในหนังสือกฎก็จะมีเวทย์และพลังหลากหลายชนิดให้คุณได้เลือกอัพตามใจชอบ หากคุณต้องการจะเก่งยิ่งขึ้น ในเสต๊ปก่อนสุดท้ายของการสร้างตัวละคร คุณก็สามารถใช้ค่า Karma อัพเพิ่มได้อีก
STEP 4: เลือก Quality
ในหน้า 71 ขึ้นไปในหนังสือกฎจะมีรายละเอียด Quality หรือคุณสมบัติพิเศษทั้งในแง่บวกและลบของตัวละคร ในการสร้างตัวละคร คุณจะมีค่า Karma = 25 แต้ม
- หากคุณเลือก Quality ที่เป็นบวก มันก็จะลดแต้ม Karma ลง (ลงได้มากสุด 25 แต้ม)
- หากคุณเลือก Quality ที่เป็นลบ มันก็จะเพิ่ม Karma ให้คุณ (เพิ่มได้มากสุด 25 แต้ม)
- หลังการสร้างตัวละครแล้วจะไม่สามารถกลับมาเลือกอัพ Quality ใดๆได้อีก ทุกอย่าง GM จะพิจารณาทำโทษหรือให้ประโยชน์ผ่านเนื้อเรื่องเท่านั้น
แล้วจึงนำสิ่งที่เลือกลงไปเขียนใน Character Sheet แบบนี้
ตัวละครของผมเป็นคนคุกมาก่อนและมีจิตใจที่ห้าวหาญไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด
STEP 5: อัพ Skills
สกิลก็คือสิ่งที่ตัวละครของคุณได้เรียนรู้สะสมมาตลอดชีวิต หมายเลขข้างหน้าคือแต้มที่จะใช้อัพสกิลแต่ละชนิด หมายเลขหลังคือแต้มที่จะใช้อัพสกิลเหมารวมเป็นกรุ๊ปต่างๆได้
สกิลแต่ละชนิด/สกิลกรุ๊ป
สกิลจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ
- Active skills
- นี่คือสกิลที่คุณจะลงมือกระทำ
- แต้มที่คุณมี นำมาอัพให้หมด อัพได้สูงสุดที่ระดับ 6 และตลอดชีวิตจะอัพได้มากสุดระดับ 12 (ถ้ามี Quality พิเศษก็จะอัพได้มากสุดตอนเริ่มต้นเป็น 7 และสุดในชีวิตเป็น 13)
- ในแต่ละสกิล คุณสามารถใช้ 1 แต้มอัพ Specialization ความสามารถเฉพาะให้เก่งด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษได้ เช่น Blade skills มี Specialization เป็น Axe เวลาใช้ขวานก็จะได้เพิ่มอีก +2 เต๋า
- ตอนสร้างตัวละคร ในแต่ละสกิลจะมีได้แค่ 1 Specialization เท่านั้น เมื่อเล่นเกมไปแล้วสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้
- บางสกิลจะสงวนไว้สำหรับสายอาชีพเท่านั้น เช่น ทุกสกิลที่ใช้ Magic ก็จะสำหรับผู้ใช้เวทย์มนต์
- Knowledge และ Language skills
- นี่คือสกิลความรู้ของคุณ
- มีแต้มฟรีใช้อัพโดยเฉพาะเท่ากับ (Intuition + Logic) x 2
- นอกเหนือจากแต้มฟรีแล้ว คุณจะมีแต้มฟรีพิเศษ 1 แต้มสำหรับภาษาแรกของคุณ Native langauge อีกด้วย
เริ่มต้นกันเลย...
Skill Groups:
- สำหรับผู้ที่มีแต้มในการอัพสกิลกรุ๊ป ท่านสามารถอัพกรุ๊ปเดียวได้แต้มทั้งสามสกิลได้ตามนี้
- เช่น ถ้าอัพ Atheletics Group 3 แต้ม ท่านก็จะมีสกิล Gymnastics, Running และ Swimming อย่างละ 3 แต้มในทีเดียว
- ผมเลือก Priority Skills = B จึงมีแต้ม 36/5 สามารถอัพสกิลกรุ๊ปได้ 5 แต้ม จึงเลือกดังนี้
Individual skills:
- เมื่อเลือกกรุ๊ปเสร็จแล้วจึงนำ 36 แต้มมาอัพแต่ละสกิลจากทั้งหมดนี่
- คุณจะเห็นว่า สกิลแต่ละสกิลจะมี Attribute กำกับอยู่ นั่นก็คือ เมื่อ GM สั่งทอย คุณจะหยิบเต๋าเท่าจำนวน Attribute นั้น + จำนวนเต๋าเท่าระดับของสกิลนั้นๆนั่นเอง
- รายละเอียดของสกิลต่างๆจะดูได้ในหนังสือ
- ผมจึงเลือกอัพ 36 แต้มดังนี้
Knowledge และ Language skills:
- คุณสามารถคิดสกิลเหล่านี้ขึ้นมาเองก็ได้ถ้า GM ยอมรับ
- การที่คุณได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจะมาจาก 4 แหล่งคือ
- Academic เรียนมาจากสถาบันการศึกษา (ใช้ LOG ทอย)
- Interests ศึกษาส่วนตัวเพราะชอบ (ใช้ INT ทอย)
- Professional ที่ทำงานสอนมา (ใช้ LOG ทอย)
- Street เรียนรู้จากประสบการณ์บนท้องถนน (ใช้ INT ทอย)
- เวลาเลือกอัพก็จะอัพคู่กัน ว่า สกิลอะไร และรู้มาจากไหน
- (Intuition + Logic) x 2 ของตัวละครผมคือ (4+4) x 2 = 16 และมี 1 แต้มฟรีสำหรับภาษาแรก
- จึงเลือกอัพจากตารางแนะนำตัวอย่างด้านบนดังนี้ (ในหนังสือมีอีกเพียบ)
- English (Native)
- Japanese 1
- Chinese 1
- Literature (Academic) 1
- Runner Hangouts (Street) 2
- Corporate Security (Professional) 2
- Organized Crime (Professional) 2
- Street Gang Identification (Street) 2
- City Knowledge (Street) 2
- Cooking (Interest) 3
- และเขียนโดยใช้ Attribute กำกับ เวลาทอยจะได้ไม่งงดังนี้
STEP 6: ซื้อของ
- นี่เป็นขั้นตอนที่หนักหน่วงและใช้เวลานานเหมือนเดินช๊อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แบบโคตรๆ งบประมาณของคุณจะเท่ากับ Priority Resource ที่คุณได้เลือกไว้
- การปรับแต่งตัวละคร ซื้ออาวุธ กระสุน เกราะป้องกัน ตัดแต่งอวัยวะ cyberware bioware อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆมากมายก่ายกองสามารถดูในหนังสือกฎครับ
- โปรดระวัง การผ่าตัดอวัยวะเทียมจะมีผลทำให้ค่า Essence คุณลด เมื่อมันลดลง 1 จุด ค่า Magic หรือ Resonance ก็จะลดตามลงไปด้วย
- อุปกรณ์ทั้งหมด
- ห้ามเกินระดับ Availability 12
- Device Rating ห้ามเกิน 6
- Augmentation ได้แค่ระดับ Standard หรือ Alpha Grade เท่านั้น
- ไม่ว่าจะตัดต่อเพิ่มเติมแต่งอย่างไร Attribute จะไม่มีวันอัพขึ้นเกินอย่างละ 4 จุด
- Augmentation ที่เพิ่ม Attribute จะเขียนรวมในวงเล็บข้างๆ เช่น 4/6 (5)
- การ Augment จะไม่เพิ่มค่าในการคำนวน Knowledge skills หรือ Contacts
- ตัวละครของผมเลือก Priority Resource D มีเงินทั้งหมด 50,000 Nuyen จึงเลือกซื้อของดังนี้
- อาวุธระยะประชิด sword = 500
- อาวุธระยะประชิด combat knife = 300
- ปืน Heavy Pistol Ares V = 725
- + แต่งปืน plus smartgun = 200
- ปืน Sniper Ruger sniper = 1300
- กระสุน Regular Ammo = 160
- เสื้อผ้า Lined coat = 900
- คอมลิงค์ Sony commlink = 700
- + แต่งคอมลิงค์ sim module จะได้จับต้อง AR ได้ = 100
- แท่งเงิน gold credstick = 100
- ไอดีปลอม fake sin rating 1 = 2500
- ใบอนุญาตปลอม fake license for sword rating 1 = 200
- ใบอนุญาตปลอม fake license for Ares V rating 1 = 200
- เครื่องมือ Automobile tool kit = 500
- แว่นตา Sunglasses = 100
- + แต่งแว่นตา Plus smartlink = 2000
- เครื่องมือ Gas mask = 200
- ดัดแปลง Muscle replacement rating 1 = 25000
- ยานพาหนะ Harley Davidson Scorpion = 12000
- กรอกสิ่งที่ซื้อมาไปที่แผ่นสองแบบนี้
- สิ่งที่ปรับแต่งลงไปใน Gear ที่ซ้ายล่างแบบนี้ (ที่เยอะหน่อย)
- เกราะหรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ และอาวุธประจำกายนำมาเขียนไว้แผ่นแรกด้วย จะได้หยิบยิงหยิบฟันง่ายๆ
- เลือกวิถีการดำรงชีวิตของคุณในแต่ละวันว่าอยู่ดีกินเลวแค่ไหน
- ตัวละครของผมเป็นคนคุกมาก่อน หางานทำลำบาก ใช้ชีวิตแบบ Low และจะต้องหาเงินให้ได้ 2000 Nuyen ต่อเดือนในการเอาชีวิตรอด และเมื่อเริ่มเกมก็จะทอย 3D6 X 60 Nuyen เพื่อดูว่ามีเงินติดกระเป๋าเท่าไหร่ (บวกกับเงินที่เหลือจากการซื้อของ)
- ทั้งหมดจึงเขียนออกมาได้แบบนี้
STEP 7: ใช้ Karma ที่เหลือ
- ตัวละครผมเลือกใช้ 10 Karma อัพ Edge จากระดับ 1 เป็นระดับ 2
- จากเหลือ 25 จึงเหลือ 15 ให้เขียนลงไปที่ซ้ายบนของแผ่นหนึ่ง
- คุณจะได้รับ Karma สำหรับสร้างมิตรสหาย Contacts ฟรีเท่ากับ Charisma x 3
- ตัวละครผมจึงมี Karma สำหรับ Contacts ฟรี 12 แต้ม
- Contacts ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม เขาจะมีสองค่าดังนี้
- Connection เขากว้างขวางแค่ไหน
- Loyalty เขาซื่อสัตย์ รักคุณแค่ไหน
- การอัพ Contacts ตอนสร้างตัวละครจะห้ามไม่ให้ค่าทั้งสองรวมกันเกิน 7 ต่อคน
- ผมจึงอัพดังนี้
STEP 8: คำนานค่าที่เหลือทั้งหมด
- Street Cred = 0
- Notoriety = 0 (แต่ตัวละครผมจะ 1 เพราะเป็นคนเคยติดคุกมาก่อน)
- Public Awareness = 0
- Karma = เหลือจาก 25 ตอนสร้างตัวเท่าไหร่ ใส่ไว้ที่นี่ ของผมเหลือ 15
- Total Karma = 0 เพราะยังไม่ได้เริ่มเกม
- Initiative = Reaction + Intuition + 1d6
- Matrix AR initiative = Reaction + Intuition + 1d6
- Astral initiative = 2 x Intuition + 2d6
- Mental limit = (Logic x 2 + Intuition + Willpower) / 3 (up)
- Physical limit = (Strength x 2 + Body + Reaction) / 3 (up)
- Social limit = (Charisma x 2 + Willpower + Essence) / 3 (up)
- Composure = CHA + WIL
- Judge Intentions = CHA + INT
- Memory = LOG + WIL
- Lift/Carry = BOD + STR
- Movement = หน้า 162
- Condition Monitor
- Physical: 8 + (Body / 2; round up) boxes
- Stun: 8 + (Willpower / 2; round up) boxes
- Overflow: Body + Augmentation bonuses (รวมที่ผ่าตัดเสริมแล้วทั้งหมด)
แล้วเมื่อนั้น.... ตัวละครของคุณก็จะสมบูรณ์ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบครับ