การสร้างตัวละคร Shadowrun อย่างละเอียด


วันนี้เราจะมาสอนสร้างตัวละคร Shadowrun กันทีละเสต๊ปนะครับ

Shadowrun 5th Edition Character Sheet แผ่นที่หนึ่ง 



Shadowrun 5th Edition Character Sheet แผ่นที่สอง


STEP 1: คิด Role กับ Concept ตัวละคร

เมื่อมีผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือระดับ Megacorperation พวกคุณเหล่า Shadowrunners ก็จะรวมตัวกันเป็นทีม ผสมผสานความสามารถที่หลากหลายของพวกคุณเป็นหนึ่ง ภารกิจของพวกคุณไม่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยตัวคุณคนเดียว Shadowrunners บางทีมก็รวมตัวกันเฉพาะกิจ เมื่อจบงานก็แยกย้ายกันไป แต่บางทีมก็อยู่กันเหมือนครอบครัว ร่วมทีมกันจนกว่าจะตายจากหรือเกษียณกันไป ROLES หรือบทบาทของตัวละครต่อไปนี้เป็นเพียงไกด์ไลน์ให้คุณได้เลือกเท่านั้น


Face
  • บทบาทของคุณคือ Face (เฟส) ยอดนักต้มตุ๋น จ้าวแห่งการต่อรอง สืบเสาะเลาะรู้ว่าเป้าหมายต้องการสิ่งใดแล้วนำมันมาบรรเลงเหมือนงานศิลปะ มักจะมีความเป็นผู้นำสูง
  • ในวันที่คุณต้องนัดพบกับ Mr. Johnson (โค้ดเนมที่ใช้เรียกชื่อผู้ประสานงานระหว่าง Shadowrunner กับผู้ว่าจ้าง) คุณมักจะเป็นผู้เข้าไปเจรจาต่อรองราคาค่าตัวของพวกคุณ
  • เฟสจะถนัดการวิ่งงาน เกลี้ยกล่อม บีบบังคับรีดเอาข้อมูลสำคัญกับเส้นสายน้อยใหญ่ของเขาเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
  • แม้นว่าเฟสมักจะจัดการกับภารกิจด้วยเสน่ห์และรอยยิ้มแต่เขาก็สามารถจะเล่นบทโหดเพื่อทำให้เป้าหมายสำรอกความจริงออกมาได้เช่นกัน
  • อาวุธของเฟสคือ Charisma (CHA) กับ Willpower (WIL) เป็น Attributes คุณสมบัติหลักแต่เอาปืน Ares Predator ยัดปากเลยก็สะดวกดี

Spellcaster
  • บทบาทของคุณคือ Spellcaster (สเปลคาสเตอร์ ผู้ร่ายเวทย์) อัดสายฟ้า manabolt ใส่อกแล้วซัดลูกบอล fireball ใส่หน้าคืองานของคุณในสนามรบ
  • มากไปกว่านั้น คุณจะเป็นผู้บังคับและควบคุมพลังมานาซึ่งก็คือแก่นของเวทย์มนต์ทั้งปวง คุณสามารถใช้พลังมานานี้ในการร่ายเวทย์หลากหลายรูปแบบซึ่งก็ทำให้สเปลคาสเตอร์นั้นมีหลายสายหลายประเภท
  • Magicians (เมจิเชี่ยน) จะใช้ระบบเวทย์มนต์ที่มีหลักการและเป็นระเบียบ
  • Shaman (ชาแมน) จะเน้นหนักไปทางสัญชาติญาณ
  • ตัวละครที่เป็นสเปลคาสเตอร์จะต้องเลือก Priority (จะอธิบายในตอนต่อไป) ที่ทำให้ตัวละครนี้มี Magic (MAG) เป็น Attributes คุณสมบัติหลัก และอาจมี Charisma (CHA) หรือ Intuition (INT) ซึ่งก็แล้วแต่สไตล์การเป็นนักเวทย์ของคุณ
  • และสุดท้าย คุณควรจะมี Willpower (WIL) เพื่อกันไม่ให้เกิดการ Drain (อาการอ่อนล้าหลังการร่ายเวทย์)

Decker
  • บทบาทของคุณคือ Decker (เด็คเกอร์) และในโลกที่ Internet กลายเป็นโลก The Matrix ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ซ้อนทับอยู่ในทุกๆสิ่งที่คุณมองเห็นในชีวิตประจำวัน คุณก็คือสายฟ้าฟาดที่วิ่งผ่านหางตาของผู้คนในระบบ
  • ในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ คุณคือผู้เชี่ยวชาญการแฮ็คคอมพิวเตอร์ แฮ็ค commlinks (อุปกรณ์ที่ผู้เล่นใช้เชื่อมต่อกับ The Matrix โลกออนไลน์) และฐานข้อมูล datahavens ต่างๆ
  • งานของคุณคือการลักขโมย เปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อมูล รวมถึงการเข้าควบคุมและดัดแปลงระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อให้เพื่อนในทีมสามารถเข้าออกอาคารได้อย่างปลอดภัย
  • เด็คเกอร์ที่ดีจะต้องรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าคุณจะต้องควักปืนขึ้นมายิงระหว่างการปลดอาวุธของศัตรูแล้วสั่งให้ปืนกลอัตโนมัติของอาคารหันไปซัดใส่ฝ่ายรปภ.พร้อมๆกันก็ตาม
  • คุณจะมีอุปกรณ์คู่กายคือ Cyberdecker หรือก็คืออุปกรณ์ในการแฮ็คของคุณนั่นเอง
  • คุณควรจะสร้างตัวละครที่เน้น Logic (LOG), Intuition (INT) และ Willpower (WIL) เป็นหลัก

Technomancer
  • บทบาทของคุณคือ Technomancer (เทคโนแมนเซอร์) คนอื่นอาจแฮ็คระบบ The Matrix ด้วยอุปกรณ์ต่างๆแต่น้อยคนนักที่จะสามารถล็อกออนด้วยพลังจิตล้วนๆอย่างคุณได้
  • คุณจะสามารถเข้าออก The Matrix ด้วยพลังจิตโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆเลยได้
  • จนถึงบัดนี้ในปี 2075 ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถอธิบายได้ว่าเหล่าเทคโนมานเซอร์นั้นทำได้อย่างไร
  • หากคุณต้องการจะเล่นเป็นเทคโนแมนเซอร์ คุณจะต้องเลือก Priority (จะอธิบายในตอนต่อไป) ที่ทำให้ตัวละครนี้มี Resonance (RES), Logic (LOG), Intuition (INT) และ Willpower (WIL) เป็นหลัก

Rigger
  • บทบาทของคุณคือ Rigger (ริกเกอร์) ในขณะที่บางคน"ขับรถ" แต่ยานพาหนะสำหรับบางคนเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของอวัยวะที่คุณจะบังคับมันได้ดั่งใจนึก
  • คุณคือคนจำพวกนั้น ริกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญในการบังคับ ซ่อมแซม ดัดแปลงยานพาหนะ, โดรน และเครื่องจักรทุกรูปแบบ
  • โดรนของคุณจะคอยสอดส่องระวังภัยและกราดปืนกลคอยช่วยเหลือเพื่อนๆในสงคราม ยานของคุณจะคอยขนย้ายเพื่อนๆในทีม
  • Reaction (REA) คือ Attributes คุณสมบัติหลักของคุณ

Street Samurai
  • บทบาทของคุณคือ Street Samurai (สตรีทซามูไร) ในขณะที่ศิลปินหลายๆคนถนัดในงานสีน้ำหรือสีน้ำมัน เหล่าสตรีทซามูไรจะถนัดในศิลปะแห่งความเจ็บปวด
  • ไว้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม คุณจะรู้จักกรรมวิธี 15 รูปแบบในการทำร้ายศัตรู และอีก 8 รูปแบบในการทำร้ายศัตรู"แรงๆ"
  • คุณจะสามารถยืนรับการโจมตีของศัตรูได้ในปริมาณมหาศาล ในขณะเดียวกันก็จะสามารถซัดการโจมตีที่โหดเหี้่ยมรุนแรงกลับไปหาเหล่าศัตรูได้ด้วยเช่นกัน
  • คุณมักจะดัดแปลงร่างกายของตนเองจนเต็มไปด้วย cyberware และ bioware เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกายภาพ
  • คุณคือปีศาจในสนามรบที่มักจะยึดถือหลักการบางอย่างไว้ในจิตใจ หลักการนี้จะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือของสำนักก็เป็นได้
  • Body (BOD), Strength (STR) และ Agility (AGI) คือ Attributes คุณสมบัติหลักของคุณ

CONCEPT 

เมื่อได้เลือก ROLES แล้วก็ให้คุณเริ่มคิดถึง CONCEPT แนวคิด เรื่องราวความเป็นมาของตัวละครนั้นๆ เช่น
  • อดีตทหารของรัฐบาล เอาวิชาการสงครามที่ฝึกมาออกมาใช้บนท้องถนนแห่ง Shadowrun
  • อดีตฝ่ายบุคคลที่ถูกคู่แข่งบีบให้ออกจากงานใน Megacorperation ใช้ความสามารถในการต่อรองและปิดการขายในการเอาตัวรอด
  • เป็น Shadowrunner รุ่นที่สอง มีพ่อแม่ที่เป็น SINless (ไม่มี System Identification Number) เหมือนไม่มีตัวตนในสังคมหรือระบบใดๆ
  • นักล่าค่าหัวที่ทำงาน Shadowrun เป็นงานเสริมรายได้พิเศษ
  • เติบโตมาในสลัมหรือในแก๊งข้างถนน Shadowrunning อาจเป็นหนทางที่จะสลัดกำพืดของตน
  • พึ่งออกจากคุก นำวิชาความรู้และเส้นสายที่ได้รับจากในคุกมาใช้บนท้องถนนแห่ง Shadowrun

STEP 2: เลือกเผ่า Metatype

เมื่อปฏิทินมายันสิ้นสุดลงในปี 2011 เราเรียกมันว่า The Awakening สิ่งที่ถูกปิดผนึกไว้ทั้งหลายก็หวนกลับคืนสู่โลกมนุษย์ เรื่องราวในตำนานทั้งหลาย เวทย์มนต์ สัตว์ประหลาดและมังกรต่างก็หวนคืนสู่ยุคปัจจุบัน บุตรหลานของมนุษย์เริ่มกลายพันธุ์สำแดงให้เห็นถึงสายเลือดแห่งเทพนิยายโบราณที่หลับซ่อนอยู่ภายในร่างของพวกเรา หลายปีที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาณกับการรังเกียจของสังคมจนโลกเริ่มยอมรับในตัวตนของพวกเขา จากเมื่อก่อนที่พวกเรามีกันแต่ Human (มนุษย์) บัดนี้พวกเราได้แบ่งสายพันธุ์ออกมาเป็น 6 Metatypes ด้วยกันคือ

1. Human (มนุษย์ / Homo sapiens sapiens)
มนุษย์เป็นเผ่าที่อยู่บนโลกนี้มานานที่สุด (ถ้าข่าวลือเกี่ยวกับพวกเอลฟ์ไม่ใช่เรื่องจริง) หากคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็มีโอกาสสูงว่าคุณก็เป็นมนุษย์เช่นกัน มนุษย์มีความสามารถที่สมดุล และแลดูเหมือนจะมีโชคดีมากกว่าเผ่าไหนๆ

2. Dwarfs (คนแคระ / Homo sapiens pumilionis)
เตี้ยและป้อมกว่ามนุษย์ แข็งแรงและฟื้นตัวได้รวดเร็ว ขยันขันแข็งทำงานหนัก เป็นที่ต้องการของเหล่าองค์กรทั้งหลาย ผูกพันธ์กับสังคมมนุษย์มากกว่า Metatype ไหนๆ หล่าคนแคระยังคงถูกแบ่งแยกเผ่าพันธุ์เลือกปฏิบัติอยู่บ้างเพราะขนาดของตน พวกเขามักจะต้องพยายามมากกว่าเผ่าอื่นๆเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมของพวกมนุษย์ได้อย่างเท่าเทียม

3. Elves (เอล์ฟ / Homo sapiens nobilis)
หากจะเทียบกับมนุษย์ เผ่าเอล์ฟจะสูงกว่า ผอมกว่า หูแหลมชี้ พริ้วไหวปราดเปรียวกว่า หน้าตาดีกว่า อายุยืนกว่ามากๆ แม้นจะอายุ 40-50 ก็ยังดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ มีข่าวลือมาว่า ตอนเข้าสู่ยุคโลกที่ 5 ที่เวทย์มนต์ทั้งหลายสูญหายไปจากโลกนั้น มีเอลฟ์บางกลุ่มแอบหลบซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆข้ามยุคข้ามสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ในโลกที่ 6 ที่เวทย์มนต์กลับมาอีกครั้ง หากเป็นเรื่องจริง พวกเขาก็จะมีอายุเก่าแก่มากกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆในโลกเลยทีเดียว

4. Orks (ออค / Homo sapiens robustus)
เผ่าพันธุ์ที่แลดูเหมือนสิ่งมีชีวิตตัวร้ายในหนังแฟนตาซีที่ถูกพระเอกฆ่าตายดั่งใบไม้ร่วงตลอด 150 ปีที่ผ่านมา พวกออคมีคิ้วที่หนายื่น มีเขี้ยวมีงาบนปากที่โดดเด่น และร่างกายที่สูงใหญ่กำยำ เหล่าออคมากมายพยายามหลีกเลี่ยงภาพพจน์ติดตัวที่ชอบใช้กำลังและความรุนแรงอย่างไร้สมอง แต่ก็มีออคส่วนมากที่พอใจจะใช้ชีวิตตามแบบฉบับภาพลักษณ์หัวรุนแรงนั้นอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างออคกับมนุษย์นั้นตึงเครียด แยกกลุ่มสังคมไม่คบหากันเท่าที่ควร ในขณะเดียวกัน เหล่าเอล์ฟและเหล่าออคนั้นไม่ถูกกันแบบสุดๆและขอไม่อยู่ร่วมประเทศเดียวกันเลยทีเดียว แท้จริงแล้ว เหล่าออคนั้นไม่ได้เป็นดั่งภาพลักษณ์หัวรุนแรงนั้นเพียงอย่างเดียว คุณสามารถพบเผ่าออคได้ตั้งแต่เขตย่านสลัมยันห้องทำงานของ CEO เลยทีเดียว ช่วงอายุของออคนั้นจะสั้นกว่ามนุษย์จึงทำให้เหล่าออคมักจะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้

5. Trolls (โทรล / Homo sapiens ingentis)
ถ้าเทียบกับโทรลแล้วเผ่าออคก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปบนท้องถนน โดยเฉลี่ยแล้วเผ่าออคจะสูงกว่ามนุษย์ประมาณ 25 ซ.ม. แต่เผ่าโทรลนั้นจะสูงกว่าเผ่าออคประมาณครึ่งเมตร (ถ้าเทียบกับมนุษย์ก็สูงกว่ากันเกือบเมตร!) ในขณะที่เผ่าออคจะเหมือนมนุษย์ที่เป็นสัตว์ประหลาดแต่เหล่าโทรลนั้นจะเหมือนสัตว์ประหลาดในฝันร้ายที่มีร่างคล้ายมนุษย์ เผ่าโทรลมีเขาที่หนาและใหญ่โง้งงออยู่บนหัว โทรลบางตัวก็เลือกจะหั่นมันออกแต่บางตัวก็ขัดถูดูแลเขาของตนอย่างดี ตามข้อต่างๆของร่างกายจะมีกระดูกงอกแหลมทิ่มแทงออกมาเหมือนอาวุธ โทรลหลายๆตัวก็เลือกจะเป็นผู้ทำลายตามภาพลักษณ์ของตน แต่บางตัวก็ไม่สนใจเรื่องความรุนแรง และพยายามหาบทบาทในสังคมแบบอื่นๆ ด้วยภาพลักษณ์สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ทำให้พวกเขาเข้าในสังคมค่อนข้างยาก เผ่าออคนั้นเปิดใจยินดีต้อนรับเผ่าโทรลมากกว่าเผ่าอื่นๆ Metatype ทั้งสองมักใช้ชีวิตอยู่ในสังคมละแวกใกล้เคียงกัน ในตารางด้านล่างนี้คุณจะต้องเลือกว่า จาก A-D คุณจะเลือก Priority ระดับไหน เมื่อคุณเลือกแล้ว ในลำดับขั้นต่อไป คุณก็จะเลือกระดับ A-D นั้นซ้ำไม่ได้อีก


เลือก Priority ของ Metatype เผ่าต่างๆ

ตัวเลขในวงเล็บนั้นก็คือแต้มที่คุณจะสามารถนำมาอัพ Special Attributes ได้ซึ่งก็คือ
  • Edge (EDG): พลังที่จับต้องไม่ได้ซึ่งไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม คุณจะสามารถดึงมันมาใช้เพิ่มพลังให้ตนเองได้ในยามฉุกเฉิน
  • Magic (MAG):ตรงๆ… มันคือพลังเวทย์ของคุณ
  • Resonance (RES): เหล่าพ่อมดแห่งเทคโนโลยี Technomancers จะใช้พลังบิดเบือนความเป็นจริงได้ในโลก The Matrix ซึ่ง Resonance ก็คือระดับของพลังนั้น
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากเป็น Troll คุณจะต้องเลือกระดับ A หรือ B เท่านั้น ยังไม่ต้องเครียดครับ เลือกไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาแก้ทีหลังก็ยังได้


เลือก Priority ของ Attributes (คุณสมบัติทางกายและจิต) 

แต้มที่เห็นในรูปนี้จะนำมาใช้อัพคุณสมบัติทางกายและจิตต่างๆเหล่านี้
  • Physical Attributes คุณสมบัติทางกายภาพ
    • Body (BOD): ความอดทนของร่างกายต่ออาการบาดเจ็บ ยาพิษ โรคร้าย และอื่นๆ
    • Agility (AGI): ความคล่องแคล่วของข้อต่อในร่างกาย ความยืดหยุ่น บาลานซ์ ความแม่นยำ
    • Reaction (REA): ปฎิกิริยาตอบสนอง ประสาทสัมผัส หลบหลีกการโจมตี
    • Strength (STR): ความแข็งแรง พลังของกล้ามเนื้อ ยกของ ความเร็วในการกรีฑา
  • Mental Attributes คุณสมบัติทางจิต
    • Willpower (WIL): พลังใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรค การร่ายเวทย์มนต์
    • Logic (LOG): พลังที่จะคำนวน วิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น ซ่อมแซมอุปกรณ์หรือเย็บแผลให้เพื่อน
    • Intuition (INT): สัญชาติญาณที่จะเตือนคุณก่อน Logic จะไหวตัวทัน
    • Charisma (CHA): พลังแห่งบุคลิกภาพของคุณ น้ำเสียง ใบหน้า คำพูดคำจา

เมื่อเลือก Attribute Priority แล้วก็มาดูตาราง Attribute เริ่มต้นของแต่ละเผ่า


เช่น ผมเลือก Priority 
  • Metatype = C (Ork) ไม่มีแต้ม Special Attribute 
    • ความสามารถเผ่าคือมี Low light vision ให้เขียนไว้ที่ Other Abilities ที่มุมขวาล่างของแผ่นที่สอง
  • Attribute = A มี 24 แต้ม 
    • ก็จะเขียน Attribute ทั้ง 8 และ Essence ลงแผ่นตัวละครแบบนี้ไว้ก่อน อย่าพึ่งเอาแต้มไปอัพจะได้ไม่งง (อายุ ส่วนสูง และน้ำหนักสามารถดูมาตรฐานแต่ละเผ่าได้ที่หน้า 380)
    • อย่าพึ่งคำนวน INI เดี๋ยว Attribute เราอาจเปลี่ยนไปอีก

แล้วผมจึงนำ 24 แต้มนั้นไปอัพตามใจชอบ โดยนการสร้างตัวละคร จะมี Attribute ที่เต็มขีดจำกัดได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น! 
ยกตัวอย่างเช่น 4/6 แปลว่า ตัวคุณมี 4 แต่ลิมิตของเผ่าพันธุ์คุณจะได้มากสุดคือ 6



STEP 3: เลือก Magic หรือ Resonance (ถ้าใครเลือก Magic or Resonance Priority E ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยเพราะคุณไม่มีพลังเวทย์มนต์ใดๆเลย)

จากเหตุการณ์ Awakening ทำให้เวทย์มนต์กลับคืนสู่โลกมานานกว่า 60 ปีแล้ว ถึงกระนั้น จำนวนผู้ที่มีความสามารถใช้เวทย์มนต์ก็ยังเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับประชากรของโลกอยู่ดี ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาถึงได้ถูกทั้งชื่นชมและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ผู้คนที่ไร้พลังต่างหวาดกลัวเหล่าผู้ใช้เวทย์มนต์ ตลอด 60 กว่าปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์จราจลและสยองขวัญมากมายที่เกิดขึ้นจากการใช้เวทย์มนต์ในทางที่ผิด ด้วยเหตุนี้เอง เวทย์มนต์ระดับ 3 หรือสูงกว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ในหลายสถานที่ เจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย (ไม่อยากใช้คำว่าตำรวจเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของ Megacorporation) จะสามารถเข้าตรวจสอบใบอนุญาตนี้ เข้าบุกรุกสถานที่เพื่อตรวจสอบโดยไม่ต้องมีหมายค้น บางที่ถึงกับเก็บตัวอย่างเลือดของผู้ใช้เวทย์เพื่อใช้ระบุตำแหน่งผู้ใช้เวทย์มนต์ (ด้วยเวทย์มนต์) ได้ในทันที และด้วยเหตุนี้เองที่ Shadowrunner ผู้ใช้เวทย์หลายๆคนจะมี ID และใบอนุญาตปลอมเพื่อป้องกันปัญหากับทางเจ้าหน้าที่ ด้วยความที่ผู้ใช้เวทย์มนต์เป็นบุคลากรที่หาได้ยาก เมื่อคุณจดทะเบียนเวทย์ของคุณก็จะมี Megacorporation หลายแห่งมาพยายามซื้อตัวคุณเข้าองค์กรในทันที ผู้ใช้เวทย์มีหลายรูปแบบซึ่งแต่ละแบบก็มักจะเขม่นใส่พวกที่ไม่ใช่แบบตน Aspected Magician มีความสามารถที่จำกัดจึงมักจะถูกกีดกัน ถูกดูถูกว่าไม่ใช่ผู้ที่เบิกเนตร Awakened แล้วอย่างแท้จริง 

ประเภทของเหล่าผู้ใช้เวทย์ในมี 4 ประเภทหลักๆดังนี้ 

Adepts (อะเดพท์)
  • เกณฑ์พลัง mana เข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มพลังให้คุณสมบัติทางธรรมชาติต่างๆทำให้ความสามารถพิเศษและสกิลของพวกเขามีระดับสูงขึ้น
  • ไม่สามารถถอดจิต astrally project เข้าสู่ภพแห่งเวทย์ astral plane ได้ (หน้า 313)
  • สามารถมองเห็นภพแห่งเวทย์โดยการอัพพลัง Astral Perception power (หน้า 312)
  • สามารถเรียน Assensing skill ได้ก็ต่อเมื่อมีพลัง Astral Perception power เท่านั้น
  • ไม่สามารถใช้ skills จาก magic-related skill groups ที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนต์ได้ (Sorcery, Conjuring, หรือ Enchanting)
  • สามารถติดตาม follow mentor spirits (หน้า 320) ปรึกษาคำแนะนำจากภูติวิญญาณได้
  • มีพลัง Adept Powers ที่สามารถซื้อได้ด้วย Power Points ซึ่งมีปริมาณเท่ากับระดับ Magic ของตน
Magicians (เมจิเชี่ยน)
  • สามารภ astrally perceive มองเห็นภพเวทย์ได้
  • สามารถ astrally project ถอดจิตไปภพเวทย์ได้
  • สามารถเลือก magical skills หรือ skill groups (Sorcery, Conjuring, Enchanting) แบบใดก็ได้ตามใจชอบ
  • สามารถร่ายเวทย์ เรียกวิญญาณสปิริต หรือปลุกเสกสิ่งของไอเทมได้
  • ตอนสร้างตัวละคร magicians ที่สามารถร่ายเวทย์หรือเตรียมเครื่องปรุงยา จะสามารถเรียนรู้สูตรวิชาต่างๆในแต่ละกรุ๊ปได้มากสุดเท่ากับระดับ Magic X 2 (เช่น หากคุณมี Magic ระดับ 4 คุณจะสามารถร่ายเวทย์ได้ 8 spells ทำพิธีได้ 8 rituals และมีสูตรปรุงยาได้ 8 รูปแบบ
Aspected Magicians (แอสเปคเต็ด เมจิเชี่ยน)
  • Aspected magicians คือ magician ที่มีขีดจำกัดต่ำ
  • ไม่สามารถ astrally project ถอดจิตไปภพเวทย์ได้
  • สามารถ astrally perceive มองเห็นภพเวทย์ได้
  • จะต้องเลือก "เพียงหนึ่งอย่าง" จากสาม Skills/Skill Groups ดังนี้
    1. Sorcery (Spellcasting การร่ายเวทย์ และสกิลที่เกี่ยวข้อง)
    2. Conjuring (Summoning การอัญเชิญ และสกิลที่เกี่ยวข้อง)
    3. Enchanting (Alchemy แร่แปรธาตุ ปลุกเสกและสกิลที่เกี่ยวข้อง)
  • ไม่สามารถใช้ magical skills ที่เกี่ยวข้องกับอีกสองกรุ๊ปที่ไม่ได้เลือกได้
  • สามารถเรียนรู้วิชา Counterspelling ได้ถ้าคุณเลือกสาย spellcaster
  • สามารถติดตาม follow mentor spirits ปรึกษาคำแนะนำจากภูติวิญญาณได้
  • ตอนสร้างตัวละคร Aspected magicians ที่สามารถร่ายเวทย์ ทำพิธีหรือเตรียมเครื่องปรุงยา จะสามารถเรียนรู้สูตรวิชาต่างๆในแต่ละกรุ๊ปได้มากสุดเท่ากับระดับ Magic X 2 (เช่น หากคุณมี Magic ระดับ 4 คุณจะสามารถร่ายเวทย์ได้ 8 spells ทำพิธีได้ 8 rituals และมีสูตรปรุงยาได้ 8 รูปแบบ
Mystic Adepts (มิสติค อะเดพท์)
  • Mystic adepts คือสายผสมระหว่าง magicians กับ adepts
  • ไม่สามารถ astrally project ถอดจิตไปภพเวทย์ได้
  • จะ astrally perceive มองเห็นภพเวทย์ได้ถ้าเลือกซื้อพลัง Astral Perception adept power
  • ซื้อเวทย์ spells/ พิธี rituals/ เตรียมยา preparations เหมือน magicians
  • จะต้องซื้อ Power Points ของตนด้วยแต้ม Karma เท่านั้น (ตอนสร้างตัวละครจะต้องใช้ 2 Karma ต่อ 1 Power Point และซื้อได้เท่ากับระดับของ Magic)
  • สามารถเลือกสกิลจาก Enchanting, Sorcery, หรือ Conjuring skill groups ได้ตามใจชอบ


คุณจะต้องเลือก Priority ที่มีสายนักเวทย์ที่คุณอยากจะเล่น 
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมเลือก Priority Magic or Resonance = B แล้วเลือกสาย Adept ผมก็จะมี
  • Magic 6 เขียนลงไปในแผ่น Character Sheet ได้เลย
  • Active Skill ระดับ Rating 4 ฟรี 1 ชนิด
ในหนังสือกฎก็จะมีเวทย์และพลังหลากหลายชนิดให้คุณได้เลือกอัพตามใจชอบ หากคุณต้องการจะเก่งยิ่งขึ้น ในเสต๊ปก่อนสุดท้ายของการสร้างตัวละคร คุณก็สามารถใช้ค่า Karma อัพเพิ่มได้อีก


STEP 4: เลือก Quality

ในหน้า 71 ขึ้นไปในหนังสือกฎจะมีรายละเอียด Quality หรือคุณสมบัติพิเศษทั้งในแง่บวกและลบของตัวละคร ในการสร้างตัวละคร คุณจะมีค่า Karma = 25 แต้ม 
  • หากคุณเลือก Quality ที่เป็นบวก มันก็จะลดแต้ม Karma ลง (ลงได้มากสุด 25 แต้ม)
  • หากคุณเลือก Quality ที่เป็นลบ มันก็จะเพิ่ม Karma ให้คุณ (เพิ่มได้มากสุด 25 แต้ม)
  • หลังการสร้างตัวละครแล้วจะไม่สามารถกลับมาเลือกอัพ Quality ใดๆได้อีก ทุกอย่าง GM จะพิจารณาทำโทษหรือให้ประโยชน์ผ่านเนื้อเรื่องเท่านั้น
แล้วจึงนำสิ่งที่เลือกลงไปเขียนใน Character Sheet แบบนี้ 
ตัวละครของผมเป็นคนคุกมาก่อนและมีจิตใจที่ห้าวหาญไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด


STEP 5: อัพ Skills 

สกิลก็คือสิ่งที่ตัวละครของคุณได้เรียนรู้สะสมมาตลอดชีวิต หมายเลขข้างหน้าคือแต้มที่จะใช้อัพสกิลแต่ละชนิด หมายเลขหลังคือแต้มที่จะใช้อัพสกิลเหมารวมเป็นกรุ๊ปต่างๆได้

สกิลแต่ละชนิด/สกิลกรุ๊ป


สกิลจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ
  • Active skills 
    • นี่คือสกิลที่คุณจะลงมือกระทำ
    • แต้มที่คุณมี นำมาอัพให้หมด อัพได้สูงสุดที่ระดับ 6 และตลอดชีวิตจะอัพได้มากสุดระดับ 12 (ถ้ามี Quality พิเศษก็จะอัพได้มากสุดตอนเริ่มต้นเป็น 7 และสุดในชีวิตเป็น 13)
    • ในแต่ละสกิล คุณสามารถใช้ 1 แต้มอัพ Specialization ความสามารถเฉพาะให้เก่งด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษได้ เช่น Blade skills มี Specialization เป็น Axe เวลาใช้ขวานก็จะได้เพิ่มอีก +2 เต๋า 
    • ตอนสร้างตัวละคร ในแต่ละสกิลจะมีได้แค่ 1 Specialization เท่านั้น เมื่อเล่นเกมไปแล้วสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ 
    • บางสกิลจะสงวนไว้สำหรับสายอาชีพเท่านั้น เช่น ทุกสกิลที่ใช้ Magic ก็จะสำหรับผู้ใช้เวทย์มนต์ 
  • Knowledge และ Language skills 
    • นี่คือสกิลความรู้ของคุณ 
    • มีแต้มฟรีใช้อัพโดยเฉพาะเท่ากับ (Intuition + Logic) x 2
    • นอกเหนือจากแต้มฟรีแล้ว คุณจะมีแต้มฟรีพิเศษ 1 แต้มสำหรับภาษาแรกของคุณ Native langauge อีกด้วย
เริ่มต้นกันเลย...

Skill Groups:
  • สำหรับผู้ที่มีแต้มในการอัพสกิลกรุ๊ป ท่านสามารถอัพกรุ๊ปเดียวได้แต้มทั้งสามสกิลได้ตามนี้
  • เช่น ถ้าอัพ Atheletics Group 3 แต้ม ท่านก็จะมีสกิล Gymnastics, Running และ Swimming อย่างละ 3 แต้มในทีเดียว
  • ผมเลือก Priority Skills = B จึงมีแต้ม 36/5 สามารถอัพสกิลกรุ๊ปได้ 5 แต้ม จึงเลือกดังนี้

Individual skills:
  • เมื่อเลือกกรุ๊ปเสร็จแล้วจึงนำ 36 แต้มมาอัพแต่ละสกิลจากทั้งหมดนี่
  • คุณจะเห็นว่า สกิลแต่ละสกิลจะมี Attribute กำกับอยู่ นั่นก็คือ เมื่อ GM สั่งทอย คุณจะหยิบเต๋าเท่าจำนวน Attribute นั้น + จำนวนเต๋าเท่าระดับของสกิลนั้นๆนั่นเอง
  • รายละเอียดของสกิลต่างๆจะดูได้ในหนังสือ
  • ผมจึงเลือกอัพ 36 แต้มดังนี้ 

Knowledge และ Language skills:
  • คุณสามารถคิดสกิลเหล่านี้ขึ้นมาเองก็ได้ถ้า GM ยอมรับ
  • การที่คุณได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจะมาจาก 4 แหล่งคือ
    • Academic เรียนมาจากสถาบันการศึกษา (ใช้ LOG ทอย)
    • Interests ศึกษาส่วนตัวเพราะชอบ (ใช้ INT ทอย)
    • Professional ที่ทำงานสอนมา (ใช้ LOG ทอย)
    • Street เรียนรู้จากประสบการณ์บนท้องถนน (ใช้ INT ทอย)
  • เวลาเลือกอัพก็จะอัพคู่กัน ว่า สกิลอะไร และรู้มาจากไหน 

  •  (Intuition + Logic) x 2 ของตัวละครผมคือ (4+4) x 2 = 16 และมี 1 แต้มฟรีสำหรับภาษาแรก
  • จึงเลือกอัพจากตารางแนะนำตัวอย่างด้านบนดังนี้ (ในหนังสือมีอีกเพียบ)
    • English (Native)
    • Japanese 1
    • Chinese 1
    • Literature (Academic) 1
    • Runner Hangouts (Street) 2
    • Corporate Security (Professional) 2
    • Organized Crime (Professional) 2
    • Street Gang Identification (Street) 2
    • City Knowledge (Street) 2
    • Cooking (Interest) 3
  • และเขียนโดยใช้ Attribute กำกับ เวลาทอยจะได้ไม่งงดังนี้

STEP 6: ซื้อของ
  • นี่เป็นขั้นตอนที่หนักหน่วงและใช้เวลานานเหมือนเดินช๊อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แบบโคตรๆ งบประมาณของคุณจะเท่ากับ Priority Resource ที่คุณได้เลือกไว้ 

  • การปรับแต่งตัวละคร ซื้ออาวุธ กระสุน เกราะป้องกัน ตัดแต่งอวัยวะ cyberware bioware อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆมากมายก่ายกองสามารถดูในหนังสือกฎครับ 
  • โปรดระวัง การผ่าตัดอวัยวะเทียมจะมีผลทำให้ค่า Essence คุณลด เมื่อมันลดลง 1 จุด ค่า Magic หรือ Resonance ก็จะลดตามลงไปด้วย
  • อุปกรณ์ทั้งหมด
    • ห้ามเกินระดับ Availability 12 
    • Device Rating ห้ามเกิน 6
    • Augmentation ได้แค่ระดับ Standard หรือ Alpha Grade เท่านั้น
    • ไม่ว่าจะตัดต่อเพิ่มเติมแต่งอย่างไร Attribute จะไม่มีวันอัพขึ้นเกินอย่างละ 4 จุด
    • Augmentation ที่เพิ่ม Attribute จะเขียนรวมในวงเล็บข้างๆ เช่น 4/6 (5)
    • การ Augment จะไม่เพิ่มค่าในการคำนวน Knowledge skills หรือ Contacts
  • ตัวละครของผมเลือก Priority Resource D มีเงินทั้งหมด 50,000 Nuyen จึงเลือกซื้อของดังนี้
    • อาวุธระยะประชิด sword = 500
    • อาวุธระยะประชิด combat knife = 300
    • ปืน Heavy Pistol Ares V = 725
      • + แต่งปืน plus smartgun = 200
    • ปืน Sniper Ruger sniper = 1300
    • กระสุน Regular Ammo = 160
    • เสื้อผ้า Lined coat = 900
    • คอมลิงค์ Sony commlink = 700
      • + แต่งคอมลิงค์ sim module จะได้จับต้อง AR ได้ = 100
    • แท่งเงิน gold credstick = 100
    • ไอดีปลอม fake sin rating 1 = 2500
    • ใบอนุญาตปลอม fake license for sword rating 1 = 200
    • ใบอนุญาตปลอม fake license for Ares V rating 1 = 200
    • เครื่องมือ Automobile tool kit = 500
    • แว่นตา Sunglasses = 100
      • + แต่งแว่นตา Plus smartlink = 2000
    • เครื่องมือ Gas mask = 200
    • ดัดแปลง Muscle replacement rating 1 = 25000
    • ยานพาหนะ Harley Davidson Scorpion = 12000

  • กรอกสิ่งที่ซื้อมาไปที่แผ่นสองแบบนี้
  • สิ่งที่ปรับแต่งลงไปใน Gear ที่ซ้ายล่างแบบนี้ (ที่เยอะหน่อย)
  • เกราะหรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ และอาวุธประจำกายนำมาเขียนไว้แผ่นแรกด้วย จะได้หยิบยิงหยิบฟันง่ายๆ
  • เลือกวิถีการดำรงชีวิตของคุณในแต่ละวันว่าอยู่ดีกินเลวแค่ไหน
  • ตัวละครของผมเป็นคนคุกมาก่อน หางานทำลำบาก ใช้ชีวิตแบบ Low และจะต้องหาเงินให้ได้ 2000 Nuyen ต่อเดือนในการเอาชีวิตรอด และเมื่อเริ่มเกมก็จะทอย 3D6 X 60 Nuyen เพื่อดูว่ามีเงินติดกระเป๋าเท่าไหร่ (บวกกับเงินที่เหลือจากการซื้อของ)
  • ทั้งหมดจึงเขียนออกมาได้แบบนี้

STEP 7: ใช้ Karma ที่เหลือ
  • ในการสร้างตัวละครเริ่มต้น คุณจะมี 25 Karma ที่จะสามารถนำไปอัพสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้

  • ตัวละครผมเลือกใช้ 10 Karma อัพ Edge จากระดับ 1 เป็นระดับ 2 
  • จากเหลือ 25 จึงเหลือ 15 ให้เขียนลงไปที่ซ้ายบนของแผ่นหนึ่ง

มิตรสหาย Contacts:
  • คุณจะได้รับ Karma สำหรับสร้างมิตรสหาย Contacts ฟรีเท่ากับ Charisma x 3
  • ตัวละครผมจึงมี Karma สำหรับ Contacts ฟรี 12 แต้ม
  • Contacts ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม เขาจะมีสองค่าดังนี้
    • Connection เขากว้างขวางแค่ไหน
    • Loyalty เขาซื่อสัตย์ รักคุณแค่ไหน
  • การอัพ Contacts ตอนสร้างตัวละครจะห้ามไม่ให้ค่าทั้งสองรวมกันเกิน 7 ต่อคน
  • ผมจึงอัพดังนี้

STEP 8: คำนานค่าที่เหลือทั้งหมด
  • Street Cred = 0
  • Notoriety = 0 (แต่ตัวละครผมจะ 1 เพราะเป็นคนเคยติดคุกมาก่อน)
  • Public Awareness = 0
  • Karma = เหลือจาก 25 ตอนสร้างตัวเท่าไหร่ ใส่ไว้ที่นี่ ของผมเหลือ 15
  • Total Karma = 0 เพราะยังไม่ได้เริ่มเกม
  • Initiative = Reaction + Intuition + 1d6 
  • Matrix AR initiative = Reaction + Intuition + 1d6 
  • Astral initiative = 2 x Intuition + 2d6 
  • Mental limit = (Logic x 2 + Intuition + Willpower) / 3 (up)
  • Physical limit = (Strength x 2 + Body + Reaction) / 3 (up)
  • Social limit = (Charisma x 2 + Willpower + Essence) / 3 (up)
  • Composure = CHA + WIL
  • Judge Intentions = CHA + INT
  • Memory = LOG + WIL
  • Lift/Carry = BOD + STR
  • Movement = หน้า 162
  • Condition Monitor
    • Physical: 8 + (Body / 2; round up) boxes
    • Stun: 8 + (Willpower / 2; round up) boxes
    • Overflow: Body + Augmentation bonuses (รวมที่ผ่าตัดเสริมแล้วทั้งหมด)
แล้วเมื่อนั้น.... ตัวละครของคุณก็จะสมบูรณ์ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบครับ