World of Darkness : ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความมืด


World of Darkness : ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความมืด

ไม่ว่าใครก็ตามจะต้องเคยสัมผัสอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตว่าหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกมันไม่ถูกต้อง บางสิ่งบางอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น บางครั้งพวกเราก็รู้สึกได้เลยว่า ความจริงอันเลวร้ายนั้นแอบซ่อนอยู่หลังม่านแห่งความจริงอันเรือนลาง ปกคลุมอย่างบางเบาด้วยพื้นฐานของเหตุผลที่ดูเหมือนกฎเกณฑ์ธรรมชาติแห่งวิทยาศาสตร์อันเป็นระเบียบเรียบร้อย  พวกเราถูกสอนว่าความเชื่อในยุคกลางนั้นมาจากความงมงายเป็นพื้นฐาน ทุกวันนี้พวกเราฉลาดเกินไปแล้วสำหรับเรื่องราวงี่เง่าเหล่านั้น หรือพวกเราก็แค่มั่นใจ


แต่เมื่อยามตะวันหลบพบราตรีนั้นเล่า เงาดำอันมืดมิดที่ปกคลุม เสียงสายลมพัดผ่านหมู่แมกไม้ เหตุไฉนพวกเราจึงสั่นงันงกจดจำเรื่องราวที่เล่าขานมาแต่อดีตกาล เรื่องราวจากเหล่าบรรพบุรุษของพวกเรา เรื่องราวที่พวกเขาหวาดกลัวความมืดมิด

ในส่วนลึกนั้น พวกเรารู้ดีว่าโลกใบนี้เป็นสถานที่อันน่ากลัวเกินกว่าที่พวกเรากำหนดเหตุผลความคิดให้รับรู้มากมายนัก การจะยอมรับความจริงที่อยู่ในจิตใต้สำนึก มันคงดีกว่าถ้าเราจะปิดตาเสียแล้วแกล้งทำเป็นว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น

.......ถ้าเรามองไม่เห็นมัน มันคงมองไม่เห็นเรา.......

แต่การแสร้งว่าอะไรบางอย่างไม่ได้อยู่ ณ จุดนั้นไม่ได้ทำให้มันหายไป สักแต่ว่าจะช่วยทำให้มันแอบแฝงตัวได้มากขึ้น ผู้ล่ามักชอบที่จะหลบซ่อนจากเหยื่อของตนมิฉะนั้นเหยื่อก็คงจะตกใจหนีไปกระนั้นเล่า


โลกที่ซึ่งเหล่าผู้ล่ามีตัวตนอยู่จริงนั้นเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดของบรรดานักทฤษฎีสมคบคิด ในความเป็นจริงเช่นนั้น เหล่าสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นกำลังบ่มเพาะแผนการอันลึกลับที่จะเล่นงานพวกเรา ชักจูงเราประหนึ่งนักเชิดหุ่น ค่อยๆครอบงำเรา หลบซ่อนอยู่ในความมืดมิดเบื้องหลังแสงไฟบนเวที สิ่งเดียวที่ช่วยคุ้มครองพวกเราก็คือความโง่เขลา การลืมเลือนทำให้พวกเราใช้ชีวิตไปวันต่อวันก่อร่างสร้างตัวเพื่อหาความหมายอันยิ่งใหญ่กับหน้าที่การงาน บ้าน ครอบครัว


การกล่าวอ้างถึงผู้แอบแฝงหรือสิ่งมีชีวิตที่ซุกซ่อนในยามราตรีนั้นไม่มีเหตุผลเพียงพอ หากพวกมันมีอยู่จริง ทำไมพวกเราไม่เคยเห็นมันในข่าวภาคค่ำ แม้นกระทั่งเวปไซต์บนหน้าอินเทอร์เน็ตที่สร้างมาเพื่อเปิดโปงพลังลึกลับในชีวิตของพวกเรายังไม่สามารถหาได้แม้กระทั่งภาพถ่าย มันช่างยากเหลือเกินที่จะเชื่อในสิ่งที่เรามองไม่เห็น

.......พวกมันอาจต้องการเช่นนั้น.......

ยินดีต้อนรับสู่ World of Darkness


พวกเราไม่มีวันได้ล่วงรู้ว่าเพราะเหตุใดหรือเมื่อไหร่ที่มนุษย์เริ่มเล่าถึงเรื่องราวทั้งหลาย แต่มั่นใจได้เลยว่าเหล่านักเล่าเรื่องในยุคแรกนั้นจะต้องมีดึงฝีปาก ความสามารถเฉพาะตัวของตนออกมาอธิบายสิ่งมหัศจรรย์อันลึกลับที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขาอย่างแน่นอน เรื่องราวที่เก่าแก่ที่สุดมากมายที่ยังคงวนเวียนอยู่ในยุคปัจจุบันนั้นมักเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย การกำเนิด การไถ่บาป และการต่อสู้อันไร้ที่สิ้นสุดระหว่างความดีและความชั่ว

เราเรียกสิ่งที่พวกคุณกำลังอ่านอยู่นี้ว่า Storytelling game (เกมเล่าเรื่อง) เพราะมันเปิดโอกาสให้คุณเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามจากก้นบึ้งที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆของมนุษย์ คุณจะได้อ่านกฎการเล่นทั้งหลายในบทต่อๆไป


เรื่องราวที่เล่าขานในเกมนี้ถูกกำหนดขึ้นในโลก World of Darkness ซึ่งแทบจะไม่ต่างอะไรจากโลกของเราเลยแม้แต่น้อย มันมีประวัติศาสตร์ที่เหมือนกัน สภาพสังคมและภูมิศาสตร์ที่เหมือนกัน หากมองอย่างผิวเผิน ผู้คนในโลกที่แต่งขึ้นนี้ต่างใช้ชีวิตเหมือนกับพวกเรา กินอาหารประเภทเดียวกัน สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์แบบเดียวกัน เสียเวลาไปกับรายการโทรทัศน์งี่เง่าทั้งหลายเหมือนกัน แต่กระนั้น ในโลก World of Darkness นี้ เงาของมันนั้นทอดทมิฬไปลึกยิ่งกว่า ยามราตรีนั้นมืดมิดยิ่งกว่า ม่านหมอกนั้นจะครอบคลุมปิดหนายิ่งกว่าหลายคณานับ

หากโลกของเรามีบ้านเก่าร้างอยู่หลังหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวแล้วละก็ ในโลก World of Darkness นั้นจะมีเสียงคร่ำครวญโอดโอยออกมายามราตรีในบางคืนของปี บางครั้งหากมองด้วยหางตาก็จะแลเห็นใบหน้ามนุษย์แฝงอยู่ในความมืดมิด แต่มันอาจเป็นเพียงสิ่งที่เพื่อนบ้านชอบซุบซิบนินทากันเท่านั้น


โลกของเรามีตำนานพื้นบ้านมากมาย โลก World of Darkness ก็มีตำนานพื้นบ้านที่เหล่าแมงมุมตัวน้อยที่มองไม่เห็นกระซิบใส่หูเด็กๆที่ชอบเพ้อฝันเช่นกัน โลกที่คุณกำลังจะได้สัมผัสนี้ ความน่ากลัวสยดสยองและฝันร้ายทั้งหลายในตำนานมิได้เป็นเพียงนิทานก่อนนอนเท่านั้น พวกมันมีอยู่จริง ถึงแม้ผู้คนส่วนมากจะไม่ตระหนักถึงพวกมันก็เถอะ ข้อเท็จจริงหรือบางส่วนของข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโลกใบนี้และความสยองขวัญอื่นๆนั้นจะถูกเปิดเผยในหนังสือเล่มอื่นๆ ทว่าคุณไม่ต้องใช้คำตอบทุกอย่างในการเริ่มสำรวจ หนังสือเล่มนี้จะมอบทุกอย่างที่คุณต้องใช้ในการร่วมกันสรรค์สร้างเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวสยองขวัญ เรื่องภูติผี เรื่องพิศวง การผจญภัยหรือเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหลายทั้งปวง เรื่องราวของเหล่าผู้คนที่สังเกตได้ถึงความจริงของบางสิ่งที่คืบคลานอยู่ในเงามืดซึ่งอาจมาจากการได้รับรู้โดยมิได้ตั้งใจก็เป็นได้


หนังสือบทนี้จะให้คุณได้เห็นบทบันทึกของผู้ที่ได้เดินผ่านเส้นทางที่คุณกำลังจะก้าวเดินไป หลังจากนั้นส่วนอื่นของหนังสือจะบอกถึงวิธีเล่าเรื่องราวของพวกคุณเองด้วยกฎที่เรียบง่ายแต่กว้างขวางมากมาย คุณจะพบว่าเกมนี้มิได้มอบความท้าทายเพียงแค่การทอยเต๋าและจดตัวเลขต่างๆแต่จะให้คุณได้สร้างตัวละครซึ่งมีอยู่จริงและเป็นไปในแบบที่คุณต้องการ ปัจจัยที่ทำให้ Storytelling game นั้นประสบความสำเร็จคือการที่ตัวละครของคุณได้เข้าไปพบปะกับโลกแห่งจินตนาการที่เขาอยู่อาศัย ตัวละครของคุณอาจได้เปิดโปงความลับทั้งหลายที่ซุกซ่อนอยู่ในโลกที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกเงาอันมืดมิด

.....เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์.....


ปัจจัยแห่งความสยองขวัญอันวิจิตร

หนังสือเล่มนี้นำเสนอกฎการเล่นเกม Roleplaying ชนิดหนึ่งเรียกว่า Storytelling ในเกมชนิดนี้ ปัจจัยว่าด้วยเนื้อเรื่อง สาระ บรรยากาศ  เค้าโครง และตัวละครนั้นสำคัญมากกว่ากฎเกณฑ์ของเกม กฎของเกมนั้นมีไว้เพื่อช่วยให้คุณได้สามารถเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวละครของคุณในลักษณะที่สามารถโต้ตอบกันได้  มันจะช่วยลดข้อโต้แย้งต่างๆและมอบพื้นฐานของการเสี่ยงดวงทั้งหลายโดยไม่บั่นทอนเนื้อเรื่องหลักแต่อย่างใด


ชัยชนะหรือหายนะของตัวละครในการเอาชีวิตรอดและการเจริญเติบโตในโลกแห่ง World of Darkness คือประเด็นสำคัญ ไม่ใช่หน้าเต๋าหรือไม่ใช่แถบพลังทั้งหลาย เกม Storytelling นี้ประกอบไปด้วยผู้เล่นอย่างต่ำ 2 คนแต่แนะนำว่าควรเป็น 4 คนขึ้นไป ทุกคนมีส่วนร่วมในการเดินเกมในลักษณะของการเล่าเรื่องเป็นกลุ่ม ผู้เล่นจะสร้างและสวมบทเป็นตัวละครของตน ผู้เล่าเรื่อง (Storyteller) จะสร้างและเปิดเผยโครงเรื่องโดยแนะนำตัวละครที่เป็นพันธมิตรและศัตรูที่เหล่าผู้เล่นจะโต้ตอบด้วย ผู้เล่นจะเลือกเดินเส้นทางทั้งหลายและเปลี่ยนแปลงโครงเรื่องไปด้วย

บทบาทของ Storyteller จะไม่ใช่เป็นการปกป้องเรื่องราวจากการเปลี่ยนแปลงแต่เป็นการช่วยสรรค์สร้างเนื้อเรื่องยามเมื่อเหตุการณ์ต่างๆถูกเปิดโปง ตอบโต้กับเส้นทางที่ผู้เล่นได้เลือกเดินและสานต่อเรื่องราวไปสู่ตัวละครอื่นๆและเปิดฉากใหม่อันตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น

และนี่คือองค์ประกอบบางส่วนที่ทั้งผู้เล่นและ Storyteller ต่างต้องจำให้ขึ้นใจในระหว่างการเล่าเรื่องใน World of Darkness


แก่นเรื่อง – ความลับอันมืดมิด

เรื่องราวทั้งปวงต่างมีแก่นเรื่องในตัวเอง  มันคือข้อสรุปของเรื่องราวทั้งหมด บางครั้งอาจเรียกว่า “คติ” หรือ “บทเรียน” ของเรื่อง แก่นเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบของคำถามที่ถูกตั้งขึ้น การตั้งคำถามที่ครอบคลุมบางสิ่งก็เพียงพอแล้วในการสร้างแก่นเรื่อง แก่นเรื่องทั้งหมดของ World of Darkness คือความลับอันมืดมิด โลกทั้งใบเป็นเพียงหนึ่งในเงามืดที่แฝงอยู่ในเงามืดอีกมากมาย ผู้ที่เข้าร่วมในแผนการเหล่านี้ควรพยายามเปิดโปงพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่ตนเองจะสามารถ

ผู้ที่สืบสานเรื่องราวได้น้อยที่สุดจะกลายเป็นเพียงหมากที่ไร้ความคิดในเกมของเหล่าผู้ที่มีพลังเหนือกว่า ทว่าการเปิดม่านผ่านหนึ่งปริศนาก็ครั้นแต่จะพบกับความลับที่ถูกปิดซ่อนไว้มากยิ่งขึ้น การเปิดโปงพวกมันทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ กระนั้นเหล่าตัวละครก็ยังสามารถที่จะพยายามเจาะค้นหาคำตอบที่ถูกซ่อนเร้นเพื่อปลดตนเองเป็นอิสระต่ออิทธิพลอันมืดมิดเหล่านี้ ในขณะที่เรื่องราวนั้นมีแก่นของตนเอง สิ่งที่เลือนรางอยู่ด้านหลังก็จะเปิดเผยถึงเรื่องราวอันระทึกขวัญของโลกที่เปี่ยมไปด้วยความลับที่เหนือธรรมชาติ เหล่า Storyteller และผู้เล่นควรระลึกถึงแก่นเรื่องอันเลือนรางเหล่านี้เมื่อต้องการเดินกลับสู่รากฐานของเกม


ความรู้สึก – ความสยดสยอง

คนเราต่างหวาดกลัวสิ่งที่ไม่รู้หรือไม่เข้าใจ บางครั้งผู้คนส่วนมากจะรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่ถูกต้องหรือพวกเขากำลังถูกโกหก แต่แทนที่จะเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย (ใครกำลังโกหกเรา? พวกมันอยู่ที่ไหนกัน?) พวกเขาเลือกที่จะอดกลั้น ผู้คนแสแสร้งว่าไม่มีอะไรผิดปกติและดำเนินชีวิตไปตามทางของตน

ไม่ว่าพฤติกรรมนี้จะสืบเนื่องมาจากการทำลายล้างของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติในอดีตหรือความหวาดกลัวที่มี่ต่อสิ่งเหนือธรรมชาติก็ตาม ผู้คนปฏิเสธที่จะยอมรับมัน พวกเขาหลับใหลต่อความจริงที่อยู่รอบตัวและไม่ยอมที่จะลืมตา  แม้แต่ผู้ที่เลือกจะยืนหยัดต่อเงามืดทั้งหลายก็ต่างต้องหวาดกลัวด้วยกันทั้งนั้น การแสวงหาสิ่งตอบแทนที่ยังคงเป็นปริศนาแต่ก็เสี่ยงต่อผลกระทบที่ไม่อาจล่วงรู้
สิ่งตอบแทนที่ยังหาไม่พบนั้นคุ้มค่าต่อการเสี่ยงชีวิตกระนั้นหรือ ทุกก้าวเดินไปในเส้นทางแห่งความลี้ลับนี้เปี่ยมไปด้วยอันตรายแต่ก็ยังมีบางคนที่ก้าวเดินไปในความมืดมิดอย่างองอาจฉะนั้นแล


บรรยากาศ  - ลางร้ายที่คุกคาม

ผสมผสาน “แก่นเรื่อง” และ “ความรู้สึก” ไปบนถนนที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา ไนท์คลับที่ยุ่งเหยิง เพิงที่สูงตระหง่าน ป่าดงยามเที่ยงคืน และห้องบูชาอันเงียบสงัดในโลกแห่ง World of Darkness หยอดคำใบ้จากโลกอื่นที่ประหนึ่งกรีดไหลจากกำแพงแห่งความเป็นจริงเป็นครั้งคราว แล้วคุณจะได้บรรยากาศที่สมบูรณ์แบบต่อการเล่าเรื่องสยองขวัญอันเย็นยะเยือก ทุกอย่างในโลก World of Darkness ต่างก่อให้เกิดลางสังหรณ์ว่าจะมีเหตุร้ายบังเกิดขึ้น ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ซากต้นไม้อาจเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณร้าย รถคันนั้นอาจเป็นที่เก็บสะสมพลังแห่งมนตราที่อาจปลิดชีวิตผู้ที่ประมาทก็เป็นได้ ทุกอย่างอาจเป็นกุญแจไปสู่อะไรบางอย่าง อาจเป็นความหมายให้กับเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เพื่อนคุณสมัยเรียนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานส่งจดหมายมาหาคุณ
แล้วพบว่ากลายเป็นศพอย่างเอน็จอนาจเพราะเสียเลือดจนหมดตัวในเช้าถัดมานั้นเป็นเรื่องบังเอิญจริงหรือ

.....แล้วคุณจะกล้าเปิดจดหมายนั่นหรือเปล่า.....

โลกแห่ง World of Darkness นั้นยากที่จะสื่อสารความลับทั้งหลายของมันกับคุณโดยตรง ปริศนาทั้งหลายนั้นจะพบได้จากสถานที่ต่างๆและสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ มันคือเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความจริงอันเลือนรางที่อยู่ลึกลงไป มันง่ายกว่าที่จะทำเป็นไม่สนใจแทนที่จะยืนหยัดต่อข้อความเหล่านี้หวาดกลัวว่ามันจะเปิดเผยต่อเรื่องใด

.....มันเป็นเพียงเหตุบังเอิญ.....
.....คุณก็พร่ำบอกแต่ตัวเองไปเถิด.....


 ฉาก – ความรู้สึกถึงสถานที่

โลก World of Darkness นั้นมิได้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วหรือในที่อันห่างไกล มันคือโลกของพวกเราในปัจจุบันเพียงแตกต่างก็เท่านั้น หากจะมองภาพรวมทั้งหมดมันก็จะดูเหมือนกันอย่างแยกไม่ออก หากจะมองให้ใกล้เข้าไปอีกนิด รายละเอียดจึงเริ่มจะแตกต่าง บ้านหลังนั้นที่สุดถนนไม่ได้แค่ถูกปล่อยให้ร้าง มันมีผีสิง ไม่มีใครไปที่เหมืองเก่านั้นอีกแล้ว วัยรุ่นหลายคนเข้าไปแล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย ไนท์คลับที่ใหม่นั้นเจ๋งสุด...แต่มันน่าขนลุกยังไงชอบกล เธอเห็นผู้ชายที่เอาแต่จ้องเราเมื่อคืนรึเปล่า


ข้อได้เปรียบของการเล่นเกมสยองขวัญที่ร่วมสมัยนั้นก็คือ มันสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆในสวนหลังบ้านของคุณ คุณสามารถปลูกฝังความลับสุดสยองในเมืองของคุณเอง ลองจินตนาการไปว่าคนดูร้านสะดวกซื้อคนนั้นจริงๆเป็นทาสของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติดูสิ
เขาอาจช่วยนายของเขาเก็บซากเหยื่อขอทานที่กลายเป็นอาหารอันโอชะจากป่าหลังเมืองก็เป็นได้ หรือนายกเทศมนตรีจอมปากมากของคุณอาจเป็นสมาชิกขององค์กรลับที่อุทิศตนให้กับการสะกดอำนาจให้อยู่ในกรอบ ป้องกันมิให้ผู้อื่นตื่นจากการหลับใหลของพลังที่แอบแฝงก็เป็นได้

ตัวละครทั้งหลายในโลก World of Darkness นี้สามารถทำให้โลกแห่งความเป็นจริงกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติเชื่อมเข้าหากันได้ นั่นแหละคือประเด็นของเรื่องราวทั้งหมด การสำรวจโลกเปี่ยมด้วยความลี้ลับที่ไม่ต้องการถูกเปิดเผย โลกที่พร้อมจะลงทัณฑ์เหล่าผู้ที่สืบลึกมากจนเกินไปแต่เหล่าผู้ไม่สืบเลยกลับต้องทนทุกข์ทรมาณยิ่งกว่า พวกมันเปรียบเสมือนก้อนหินท่ามกลางท้องทะเลแห่งแผนการอันชั่วร้ายที่ไม่เคยถูกค้นพบ ต้องสาปหากคุณลอง หากไม่ลองคุณก็ต้องสาป มันไม่มีคำตอบที่ง่ายดายและการล่วงรู้ก็ไม่ได้หมายความว่าศึกนี้กำลังจะจบ

นี่เป็นเพียงก้าวแรกของสงครามอันยืดเยื้อยาวนานกับหล่มเงาอันมืดมิด



ประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยถูกจารึก

ยามที่เราตระหนักแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดไว้ เราก็จะสรุปได้ว่าพวกมันไม่เคยเป็นไปอย่างที่เราคิดเลยตั้งแต่แรก ประวัติศาสตร์นั้นโป้ปด หากสิ่งมีชีวิตที่สามารถเดินเหินและพูดจาได้ดั่งมนุษย์มีอยู่จริง พวกมันอยู่มานานแค่ไหนแล้ว ตำนานแต่โบราณต้องเคยบันทึกถึงพวกมันไว้บ้างเป็นแน่ สิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษของเราหลงเชื่ออย่างงมงายนั้นเป็นความจริงรึเปล่า เหล่าแวมไพร์ แวร์วูล์ฟหรือแม่มดนั้นอาจมีอยู่จริงและอาจมีมาตั้งแต่เริ่มแล้วก็เป็นได้


ประวัติศาสตร์ที่พวกเราถูกพร่ำบอกมานั้นมีความจริงหรือการอนุมานอยู่เท่าไรกันแน่ สิ่งมีชีวิตที่คอยปิดบังหลักฐานตั้งแต่อดีตกาล ปกปิดร่องรอยจากบันทึกทุกรูปแบบ งานเขียนและอื่นๆนั้นมีอยู่จริงรึเปล่า อาจเป็นเพราะข้อเท็จจริงนั้นถูกต้องแต่เหตุและผลต่างหากที่ผิด แน่นอนว่าโคลัมบัสนั้นเป็นคนค้นพบอเมริกา แต่เหตุที่แท้จริงของเขาอาจไม่ใช่การเสาะหาพวกอินเดียแดงเพื่อพิสูจน์ว่าโลกนี้มันกลมก็ได้ หากมันเป็นเพราะเขากำลังขนย้ายอะไรบางอย่างจากโลกเก่ามาสู่โลกใหม่ สู่ดินแดนที่เขารู้ว่ามันมีอยู่จริงเพราะตำนานที่เล่าขานและชิ้นส่วนของแผนที่ละ แล้วถ้าอะไรบางอย่างนี้มันไม่ได้เป็นสิ่งของหากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะซึ่งครอบงำจิตใจของโคลัมบัสอยู่อย่างลับๆละ มันคงน่าขันสินะ


การไตร่ตรองเรื่องราวอย่างสุดโต่งแบบนี้แหละที่ช่วยให้เราเข้าใจได้ว่าแผนการต่างๆนั้นเกิดจากการจินตนาการที่มากจนเกินไปทั้งสิ้น แล้วอย่างพวกเหตุการณ์ทั้งหลายที่ไม่ได้โดดเด่นนักในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยังคงปกคลุมอยู่ในความลับลับดำมืดละ ยกตัวอย่างเช่น อะไรที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ระเบิดปริศนาที่แม่น้ำทังกัสก้าในไซบีเรีย คำอธิบายอย่างเป็นทางการคือลูกอุกกาบาต แต่ในโลกแห่ง World of Darkness เหล่านักล่าพเนจรสาบานกับผู้สื่อข่าวชาวฝรั่งเศสว่าพบเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดในบริเวณแถบนั้น ผู้คนต่างเล่าขานนับนานปีว่าผู้ใดที่เข้าไปใกล้หลุมนั้นจะเดินละเมอยามค่ำคืนนานหลายเดือน บางคนอาจมองว่าไร้สาระ มันคงเป็นจุดทดลองลำแสงมหาประลัยของนิโคลา เทสล่า

.....ปิดประเด็น......


การมองประวัติศาสตร์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเหนือธรรมชาติทำให้เราสามารถขุดหาเรื่องราวต่างๆในอดีตได้ การสานทอเรื่องราวในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ต้นกำเนิดของเกษตรกรรมจนถึงระเบิดปรมาณูสามารถตีความเป็นพลังแสงอันชั่วร้ายในการสงครามของเหล่าสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติและองค์กรลับที่ใช้มนุษย์อันโง่เชลาเยี่ยงหมากในเกมอันเป็นนิรันดร์

เราจะได้เรียนรู้มากเพียงใดหากสามารถยกสิ่งที่บังตาและเพ่งมองในอย่างที่มันควรจะเป็น ศักยภาพของมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัดสะดุดก็เพียงใจเราที่ไม่ต้องการตั้งคำถามและยืนหยัดต่อความจริงที่แตกแขนงก็เท่านั้น  ระวังไว้เถิดเมื่อคุณเลือกที่จะตั้งคำถามกับอะไรก็ตาม คุณอาจตกกลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรดากองทัพแห่งรัตติกาลและก่อสงครามแทนพวกมัน

.....แทนที่จะเพื่อตัวของคุณเอง.....


TRANSLATOR NOTE:

บทนำของหนังสือก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ หลังจากนี้ทั้งเล่มจะเป็นรายละเอียดของความหมายค่าพลังและกฎต่างๆของเกม ค่าพลังและความสามารถที่ตัวละครจะฝึกฝนและดำเนินเรื่องมีมากมายและหากจะแปลทั้งหมดลงในกระทู้ก็อาจจะไม่สมควร

...ผมกำลังสับสนว่าควรจะแปลกฎการเล่นดีหรือไม่...

หากผมแปลจนจบก็แทบจะเรียกได้ว่าพิมพ์กระทู้นี้ออกมาแล้วฝึกเล่าเรื่องโดยรายละเอียดของกระทู้ก็สามารถเล่นเกม World of Darkness ได้เลย ทำแบบนั้นแล้วมันคงจะดูน่าเกลียดพิลึก.... และคงเป็นการผิดต่อความสุนทรีย์แห่งเกม RPG : World of Darkness นี้อย่างมาก ทั้งนี้เพราะความตั้งใจจริงของผมแต่แรกคือสร้างกระทู้เพื่อทำให้คนได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของเกม RPG ว่ามันงดงามเพียงใด ไม่ได้ตั้งใจจะทำกระทู้เพื่อละเมิดลิขสิทธิ์เอาเกมมาเผยแพร่เหมือนพวกของเถื่อนเลยสักนิด

ด้วยประการฉะนี้ผมจึงขอจบการแปลแต่เพียงเท่านี้ ...จะดีกว่า... โดยส่วนตัวแล้วผมคันไม้คันมืออยากจะแปลมันให้หมดทั้งเล่มด้วยซ้ำไปครับ ยิ่งอ่านยิ่งสนุก ยิ่งอ่านจินตนาการยิ่งโลดแล่นหากมี Storyteller หรือผู้ที่กำลังพยายามฝึกฝนการเป็น Storyteller เหมือนผมได้มาอ่านกระทู้นี้ ผมหวังว่าท่านจะเกิดความสนใจใน World of Darkness และความงดงามอันมืดมิดของมัน

ขอขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านมาจนจบ สวัสดีครับ
กร

(แปลจากหนังสือเกม RPG เล่นผ่านกระดาษปากกา World of Darkness ลงเวป Thaiboardgame เมื่อ May 31, 2009, 05:29:21 AM)

เกมสาย World of Darkness นี้มีมาตั้งแต่ปี 1991 เริ่มต้นจาก Vampire the Masquerade และมีสายเกมที่คุณจะสามารถเล่นเป็นคนธรรมดาหรือสิ่งมีชีวิต (และไม่มีชีวิต) เหนือธรรมชาติมากมาย เช่น ผีดูดเลือด มนุษย์หมาป่า ปีศาจ ผู้มีพลังวิญญาณ ผู้ใช้เวทย์มนต์ ผู้มีพลังของภูต และอื่นๆอีกมากมาย


World of Darkness นี้ดั้งเดิมแล้วเป็นเกมของค่าย White Wolf และสาย Tabletop ถูกส่งต่อมาให้ทีมงานย่อยของค่าย Onyx Path ซึ่งบริษัทนี้ไม่ทำหนังสือขาย แต่จะมีขายเป็น PDF ผ่านทางเวปไซต์เครือ DrivethruRPG และสามารถสั่งหนังสือพิมพ์เป็นเล่มๆแบบ Print on Demand เท่านั้น http://www.drivethrurpg.com/product/168428/Chronicles-of-Darkness