Society for Creative Anachronism (SCA) สวมบทบาทในโลกยุคกลางกับผู้เล่นนับแสนทั่วโลก


ขึ้นชื่อว่า "เกม" มันก็มีหลากหลายรูปแบบครับ เกมบางเกมกล่องเล็ก บางเกมกล่องใหญ่ บางเกมเล่นกันสองคน บางเกมเล่นกันหลายคน บางเกม... เล่นกันเป็นแสนๆคน...

ผมจะขอพาทุกท่านให้มารู้จักกับ SCA หรือ Society for Creative Anachronism ซึ่ง "เริ่มเล่น" กันมาตั้งแต่ปี 1966 หรือเมื่อ 49 ปีก่อน ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนจะเลือก:
  • Persona สวมบทบาทเป็นบุคคลในยุคประวัติศาสตร์ก่อนศตวรรษที่ 17 ที่เคยมีสัมพันธ์กับชาติฝั่งยุโรป (ยุโรป แอฟริกา ไทย จีน ญี่ปุ่น ได้หมด)
  • ตั้งชื่อตัวละครของคุณที่มีการใช้กันจริงในยุคนั้นโดยจะต้องมีหลักฐานประกอบการตั้งชื่อ
  • ห้ามตั้งชื่อบุคคลสำคัญ เช่น "ตูจะเป็นลีโอไนดัส" 
  • หาเครื่องแต่งกายที่ตัวละครของคุณน่าจะสวมใส่ในยุคนั้น
  • ศึกษาว่าตัวละครของคุณในยุคนั้นใช้ชีวิตอยู่อย่างไร พูดอย่างไร กินอะไร ระหว่างวันเขาทำอะไร เพื่อนๆที่เขารู้จักทำอะไร บ้านเมืองเขาเป็นแบบไหน ตั้งแต่ตื่้นนอนจนถึงนาทีที่เขาหลับเขานั้นทำอะไร การศึกสงคราม การแก้ปัญหาในยุคนั้นเขาทำกันอย่างไร ใส่เกราะป้องกัน ใช้อาวุธ วางกลยุทธ์กันแบบไหน และอื่นๆอีกมากมายที่คุณจะจิ้นไปในห้วงประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลนั้น

สวมเกราะเหล็กลงต่อสู้เพื่ออาณาจักรของคุณ
เมื่อคุณได้ตัวละครของคุณแล้ว ก็จะถึงเวลามาเข้าร่วมกลุ่มสังคมของ SCA ในละแวกของคุณ แน่นอนว่าในประเทศไทยเราก็มีเช่นกัน ก่อตั้งกันมาตั้งแต่ปี 2009 สวัสดี Canton of Golden Playne โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตุ้มเม้งใดๆทั้งสิ้น
การต่อสู้ที่ฟาดแบบเต็มแรงพร้อมกฎกติการักษาความปลอดภัยที่รัดกุม
ปัจจุบัน SCA โลกมีสมาชิกอยู่ที่หลักแสน มีสมาชิกที่ลงทะเบียนแล้วกว่าสามหมื่นคน และการจัด Event ใหญ่ระดับโลกจะมีผู้คนเข้าร่วมงานมากกว่าหกหมื่นคนด้วยกัน! พวกเขาเสพเสพการต่อสู้สวมเกราะแบบ full contact เสพการยิงธนู การขี่ม้า การทำอาหารสูตรโบราณ การขับกล่อมบทเพลงและบทกวี เสพงานศิลปะโบราณ วิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบอัศวิน หลักการแห่ง Chivalry วิถีแห่งอัศวินแบบยุคกลาง ก่อนศตวรรษที่ 17

การ Feast ร่วมรับประทานอาหารแบบยุคกลาง
ตัวอย่างกิจกรรมที่คุณสามารถเลือกเล่น และนำมาเข้าร่วมใน SCA ทั่วโลกได้:
  • SCA armoured combat: การต่อสู้สวมเกราะหนักซัดกันเต็มแรง (ห้ามตีข้อมือกับต่ำกว่าเข่า นอกนั้นซัดเต็มแรง ไม่งั้นไม่นับแต้ม)
  • SCA fencing: การต่อสู้สวมเกราะเบาฟันดาบเรียวยาว รวดเร็ว ลองนึกภาพสามทหารเสือ
  • SCA archery: การยิงธนู ปาอาวุธทุกรูปแบบยุคกลาง
  • SCA equestrian activities: กิจกรรมขี่ม้า เสพวิถียุคกลาง
  • Arts and sciences: ประดิษฐ์งานศิลปะและวิทยาศาสตร์ยุคกลางทุกแขนง บ่มเหล้า หมักเบียร์รสต่างๆ ทำอาหารเลิศรส อุปกรณ์สงคราม สร้างปราสาท
  • Feasting: งานเฉลิมฉลองกินดื่มที่จะต้องมีทุกงาน 
  • Medieval dance: การเต้นรำแบบยุคกลาง
  • Medieval music and theatre: เล่นดนตรี การละครแบบยุคกลาง
  • Heraldry and scribal arts (calligraphy and illumination): การทำเครื่องหมายประจำตระกูล การคัดอักษร การประดิษฐ์ตกแต่งหนังสือ (หนังสือที่พิมพ์ก่อนปี ค.ศ.1501 จะประดิษฐ์ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยมือ มีการประดับประดาโดยใช้ตัวอักษรหลายสี มีการออกแบบและวาดภาพประกอบด้วยความวิจิตรบรรจงที่เน้นสีสดสวยด้วยสีทองหรือสีเงิน)
การต่อสู้ Heavy Combat
SCA Archery ยิงธนู
ประดิษฐ์งานศิลปะยุคกลางกับ A&S
ศึกษาว่าตัวละครของคุณแต่งกายยังไงแล้วจัดเต็ม
ร่วมกิจกรรมกับพวกพ้องยุคกลางของคุณ จัดธีมให้ยุคกลางอย่างเต็มที่
เมื่ออยู่กันเป็นสังคมทั่วโลกสามารถบินข้ามประเทศไปมาหากันได้ขนาดนี้ และเป็นเกมที่ว่าด้วยโลกยุคกลาง แต่ละสถานที่ก็จะแบ่งเขตอำนาจการปกครองกันแบบยุคกลางโดยมีขุนนางลำดับชั้นต่างๆเป็นผู้ดูแลครับ ปัจจุบัน SCA มีอาณาจักรทั้งหมด 19 อาณาจักรทั่วโลกซึ่งจะมีสมาชิกที่จดทะเบียนมากกว่า 400 คนต่ออาณาจักรขึ้นไป

โดยศิลปิน Naomi bat Avraham
  • The West Kingdom อาณาจักรแรกของ SCA ก่อตั้งในปี 1966 ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Northern California, Nevada และ Alaska รวมถึงประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ไทย และในเขต Pacific Rim (ไม่รวม Australia กับ New Zealand)
  • The Kingdom of the East ก่อตั้งในปี 1968 ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ eastern Pennsylvania, eastern New York, Delaware, New Jersey, Connecticut, Rhode Island, Massachusetts, Vermont, New Hampshire, และ Maine ส่วนในแคนาดาจะครอบคลุมเขต Quebec, Prince Edward Island, Nova Scotia, New Brunswick, และ Newfoundland
  • The Middle Kingdom ก่อตั้งในปี 1969 ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Ohio, Indiana, Illinois, lower Michigan, บางส่วนของ Kentucky, Iowa และ Ontario
  • The Kingdom of Atenveldt ก่อตั้งในปี 1971 ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Arizona, บางส่วนของ Utah และ California
  • The Kingdom of Meridies ก่อตั้งในปี 1978 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of Atenveldt ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Alabama, เกือบทั้งหมดของ Georgia, ทั้งหมดของ Middle และ East Tennessee, บางส่วนของ West Tennessee, บางส่วนของ Florida และบางส่วนของ Kentucky
  • The Kingdom of Caid ก่อตั้งในปี 1978 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the West ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Southern California, the Las Vegas metropolitan area, และ Hawaii
  • The Kingdom of Ansteorra ก่อตั้งในปี 1979 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of Atenveldt ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Oklahoma และบางส่วนของ Texas และ (ไม่ได้ล้อเล่นนะ) สถานีอวกาศนานาชาติ International Space Station
อาณาจักร Ansteorra ยึดสถานีอวกาศนานาชาติ
  • The Kingdom of Atlantia ก่อตั้งในปี 1981 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the East ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Maryland, Virginia, North Carolina, และ South Carolina รวมถึง Augusta, Georgia และ Columbia
  • The Kingdom of An Tir ก่อตั้งในปี 1982 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the West ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Oregon, Washington, ทางเหนือของ Idaho และในแคนาดาคือ British Columbia, Alberta, Saskatchewan, the Yukon, และเขต the Northwest Territories
  • The Kingdom of Calontir ก่อตั้งในปี 1984 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the Middle ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Kansas, Missouri, Iowa, Nebraska, และทุกรหัสไปรษณีย์ 727xx ในเขตรอบ Fayetteville, Arkansas
  • The Kingdom of Trimaris ก่อตั้งในปี 1985 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of Meridies ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือส่วนใหญ่ของ Florida, Panama, และบางส่วนของ Antarctica และเมื่อพวกเขาส่งสัญลักษณ์ของอาณาจักรติดยานอวกาศ Space shuttle (จริงๆนะ) ขึ้นไป พวกเขาจึงอ้างสิทธิการปกครองอวกาศด้วย
  • The Kingdom of the Outlands ก่อตั้งในปี 1986 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of Atenveldt ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ New Mexico, ส่วนมากของ Colorado, บางส่วนของ Wyoming, บางส่วนของ Nebraska, El Paso County และ Hudspeth County ใน Texas
ตัวแทนของทุกอาณาจักรมารวมตัวกันมากกว่า 6 หมื่นต่อทุกปีที่งาน Pennsic
  • The Kingdom of Drachenwald ก่อตั้งในปี 1993 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the East และมีพื้นที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในทุกอาณาจักรคือยุโรปทั้งหมด รวมถึงเกาะต่างๆ แอฟริกา และตะวันออกกลางทั้งหมด
  • The Kingdom of Artemisia ก่อตั้งในปี 1997 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of Atenveldt ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Montana, southern Idaho, ส่วนใหญ่ของ Utah, northwestern Colorado, และ southwestern Wyoming
  • The Kingdom of Æthelmearc ก่อตั้งในปี 1997 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the East ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ northeastern/central/western Pennsylvania, central/western New York, และ West Virginia
  • The Kingdom of Ealdormere ก่อตั้งในปี 1998 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the Middle ประกอบไปด้วยเขตในแคนาดาคือ Ontario
  • The Kingdom of Lochac ก่อตั้งในปี 2002 แยกตัวออกมาจาก West Kingdom (Australia) และ Kingdom of Caid (New Zealand) ประกอบไปด้วยเขตในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
  • The Kingdom of Northshield ก่อตั้งในปี 2004 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of the Middle ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ North Dakota, South Dakota, Minnesota, Wisconsin, และ upper peninsula of Michigan รวมถึงในแคนาดาคือ Manitoba และ northwestern Ontario
  • The Kingdom of Gleann Abhann ก่อตั้งในปี 2005 แยกตัวออกมาจาก Kingdom of Meridies ประกอบไปด้วยเขตในสหรัฐฯคือ Mississippi, Louisiana, เกือบทุกส่วนของ Arkansas และ western edge of Tennessee รวมเขต Memphis
King & Queen ของอาณาจักรต่างๆใน SCA ซึ่งจะสลับสับเปลี่ยนกันตลอดทุกปี
ซึ่งในแต่ละอาณาจักรก็จะแบ่งเขตปกครองย่อยลงไปอีกคือ
  • Kingdom - อาณาจักรที่ปกครองด้วย King และ Queen - ต้องมีสมาชิกขั้นต่ำ 400 คน (จ่ายค่าสมาชิก)
  • Principality - รัฐหรืออาณาเขตภายใต้อาณาจักร - ปกครองโดย Prince และ Princess - ต้องมีสมาชิกขั้นต่ำ 100 คน (จ่ายค่าสมาชิก)
  • Barony - ตำแหน่งหรือที่ดินของท่านแบรอน - ปกครองโดย Baron และ Baroness โดยเป็นตัวแทนของมงกุฎ - ต้องมีสมาชิกขั้นต่ำ 25 คน (จ่ายค่าสมาชิก)
  • Canton - เขตปกครองท้องถิ่นขนาดเล็กอยู่ภายใต้ Barony ที่อาจเติบใหญ่จนกลายเป็นระดับ Shire
  • Province - อาณาเขตระดับ Barony แต่ไม่มีตัวแทนของมงกุฎ 
  • Riding - เขตปกครองท้องถิ่นขนาดเล็กที่ขึ้นตรงต่อ Province
  • Shire - เขตปกครองท้องถิ่นขนาดเล็กที่ขึ้นตรงต่อ Kingdom หรือ Principality - ต้องมีสมาชิกขั้นต่ำ 5 คน (จ่ายค่าสมาชิก)
  • College - เขตการศึกษาที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนหรือสถาบันวิจัย - อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองแบบอื่นๆ หรืออาจขึ้นตรงต่อ Kingdom หรือ Principality
  • Stronghold - เขตที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางการทหาร - อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองแบบอื่นๆ หรืออาจขึ้นตรงต่อ Kingdom หรือ Principality
  • Port - เขตที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางการทหารที่สมาชิกต้องออกจากเขตเป็นระยะเวลานาน เช่น การเดินทางโดยเรือ - อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองแบบอื่นๆ หรืออาจขึ้นตรงต่อ Kingdom หรือ Principality
พิธี Collar of Steel ของอาณาจักร An Tir เพื่อสวมมงกุฎเป็น King
(รูปโดย Matthew Sugarbaker จากงาน July Coronation 2014)
ในแต่ละอาณาจักรจะมีขุนนางดังต่อไปนี้ แต่ละระดับชั้นจะต้องต่อสู้แย่งชิง และ/หรือกระทำคุณงามความดีจนได้รับการยกย่องจากทุกคนจนได้มา

King และ Queen (คิง และ ควีน)
  • เหนืออื่นใดคือตำแหน่ง King และ Queen พวกเขาจะสวมมงกุฎ Crowns of State ซึ่งทำจากเงินสเตอร์ลิง สำหรับ King จะประดับด้วยงานหล่อเป็นรูปใบไม้โอ๊กและผลต้นโอ๊ก สำหรับ Queen จะประดับด้วยงานหล่อเป็นรูปใบและดอกของกุหลาบ ตำแหน่ง King จะถูกเลือกโดยการแข่งขัน Heavy Combat ในงาน Crown Tourney 3 ครั้งต่อปีภายใน Kingdom of the West (อาณาจักรแห่งประจิม) ผู้ชนะจะดำรงตำแหน่งเป็น Crown Prince หลังจากนั้นสองเดือนก็จะได้รับมอบมงกุฎแต่งตั้งเป็น King ในงาน Coronation (พิธีสวมมงกุฎ) บุรุษหรือสตรีที่เป็นเจ้าของ Favor ก็จะได้รับตำแหน่งเป็น Queen (ตามทฤษฎีแล้วสตรีก็สามารถได้รับชัยชนะใน Crown Tourney ได้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในอาณาจักร Ansteorra แม้นพิธีจะต่างไปแต่เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของกษัตริย์จะไม่เปลี่ยนแปลง)
Crown Prince และ Princess (คราวน์พรินซ์ และ คราวน์พริ้นเซส)
  • Crown Prince and Princess ก็คือผู้ที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์คนต่อไป พวกเขาจะสวมใส่เครื่องประดับ Laurel Wreath (พวงมาลัยทำจากใบไม้) ที่ได้รับจากงาน Crown Tournament และจะได้รับ Coronet (มงกุฎเล็ก) ทำจากโลหะเพื่อเป็นการยกระดับฐานะสมาชิกของตน
Prince และ Princess (พรินซ์ และ พริ้นเซส)
  • Prince และ Princess คือผู้ครองอาณาเขตระดับ Principality (ขึ้นตรงต่อระดับ Kingdom อาณาจักร) ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากการแข่งขันแบบเดียวกับ King   และ Queen แต่จะดำรงตำแหน่งนานหกเดือน ในแต่ละ Principality จะมี Coronet (มงกุฎเล็ก) เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีผ้าคลุมให้ราชวงศ์ของ Principality ได้สวมใส่ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Section IV.4 on Sumptuary Customs in the West ในเอกสารฉบับดั้งเดิม
หมายเหตุ: ตำแหน่งทั้งหมดที่ได้ระบุมาข้างต้นอยู่ในระดับที่เรียกว่า Royal Presence ซึ่งหมายความว่าหากมีผู้ใดอยู่ในรัศมี 10 ฟุต (20 ฟุตสำหรับ King/Queen) คนผู้นั้นจะต้องก้มหรือทำความเคารพเพื่อเป็นการให้เกียรติแด่เหล่าราชวงศ์ ซึ่งการก้มหรือทำความเคารพนี้จะต้องทำกับบัลลังค์ให้เสมือนว่า King/Queen และหรือ Prince/ess นั้นกำลังทรงประทับอยู่เช่นกัน การทำความเคารพนี้นับเป็นมารยาทที่ดีที่จะทำต่อ Baron/ess เจ้าของดินแดนนั้นๆแต่ก็ไม่ได้เป็นกฎบังคับ หากผู้ใดถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าต่อหน้า King/Queen หรือ Prince/ess ยามที่กำลังประทับอยู่บนบัลลังค์ คนผู้นั้นจะต้องก้มหรือทำความเคารพหนึ่งครั้งแล้วจึงคุกเข่าบนหมอนที่ได้จัดเตรียมไว้

เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางของโลก SCA
Dukes และ Duchesses (ดยุค และ ดัชเชส)
  • Dukes และ Duchesse คือผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง King และ Queen มาแล้วอย่างต่ำสองครั้ง พวกเขาจะสวม Coronet (มงกุฎเล็ก) มีลวดลายเป็นใบสตรอเบอรี่ 3 ใบประดับโดยรอบ 4 ยอดมงกุฎ รวมถึงอาจมีการตกแต่งเป็นพิเศษเฉพาะบุคคลด้วยเช่นกัน
Counts และ Countesses (เคานต์และเคาน์เตส)
  • Counts และ Countesses คือผู้ที่ดำรงตำแหน่ง King และ Queen มาแล้วหนึ่งครั้ง พวกเขาจะมี Coronet เป็นเครื่องประดับยศและอาจมีการตกแต่งเป็นพิเศษเฉพาะบุคคลเช่นกัน
Viscount และ Viscountess (ไวเคานต์และไวเคาน์เตส)
  • Viscount และ Viscountess คือผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง Prince และ Princess ครองพื้นที่ระดับ Principality มาแล้วหนึ่งครั้ง พวกเขาจะไม่มีสัญลักษณ์อะไรเฉพาะเจาะจงแต่จะอยู่ที่รสนิยมส่วนบุคคล โดยส่วนมากจะใช้บางส่วนของ Principality Arms (ตราประจำ Principality) กับของประดับส่วนตัว
 หมายเหตุ: ตำแหน่งข้างต้นจะเรียกว่า Royal Peerages


การมอบโซ่แห่งอัศวิน Order of Chivalry
Source: http://simbelmyne.us/sca/cyn-corr09/index.htm
The Orders of Peerage
  • คิงกับควีนนั้นจะมอบ Orders of Peerage (ภาคีแห่งฐานันดร) ทั้งหมด 3  ประเภท ซึ่งนับเป็นรางวัลระดับสูงสุดในโลกของ SCA ที่ผู้หนึ่งจะได้รับหากไม่ได้เป็นหนึ่งใน Royalty (ราชวงศ์) ภาคีเหล่านี้คือ
 The Order of Chivalry - "ภาคีแห่งวีรชน"
  • สมาชิกของภาคีแห่งวีรชนคือเหล่า Knights หรือ Masters at Arms ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาต้องการที่จะทำพิธีสวามิภักดิ์ต่อหน้าบัลลังค์แห่งอาณาจักร West ในขณะที่ได้รับรางวัลหรือไม่ พวกเขาได้รับตำแหน่งนี้มาจากความสามารถในสนามรบ ความมีมารยาทและคุณสมบัติของอัศวิน (กล้าหาญ,รักเกียรติ,โอบอ้อมอารี,ให้เกียรติสตรี) ทั้งในและนอกสนามรบ ผู้ที่เป็น Knights จะทำพิธีสวามิภักดิ์ต่อหน้าคิงกับควีน หรือบางครั้งก็ต่อหน้าพรินซ์โดยจะถือว่าเขาผู้นั้นได้กลายเป็นผู้ที่รับใช้ต่อคิง ในขณะที่ Masters at Arms จะสามารถทำพิธีสวามิภักดิ์ต่อคิงหรือควีน (หรือพรินซ์และพริ้นเซส) องค์ใดองค์หนึ่งได้หากเขาผู้นั้นต้องการ
  • Knights จะสามารถคาดเข็มขัดสีขาวและคาดโซ่ที่มีข้อขนาดใหญ่และเดือยรองเท้าได้หากพวกเขาต้องการ Masters at Arms จะใส่สายสะพายบ่าสีขาวและคาดเข็มขัดเป็นแนวทแยงมุมพาดบนหน้าอก สำหรับ Knights แล้วโซ่นั้นหมายถึงสายสัมพันธ์แห่งความจงรักภักดีระหว่างคิงกับ Knight ของพระองค์ เข็มขัดสีขาวเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงคุณสมบัติของอัศวินและความกล้าหาญ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทั้ง Knights และ Masters at Arm ก็ต่างคาดเข็มขัดขาวแม้นจะด้วยวิธีที่แตกต่างกันก็ตาม เดือยแหลมบนรองเท้าของ Knights นั้นมาจากช่วงเวลาในอดีตที่เหล่า Knights นั้นเป็นอัศวินบนหลังม้า รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัศวินด้วย
 The Order of the Laurel - “ภาคีแห่งเกียรติยศ”
  • สมาชิกของภาคีแห่งเกียรติยศได้รับตำแหน่งนี้จากความสามารถในเรื่องงานศิลปะและวิทยาศาสตร์ของพวกเขา มีเพียงสมาชิกของภาคีแห่งเกียรติยศเท่านั้นที่จะสามารถสวมใส่เหรียญกระษาปณ์ที่มีตรามาลัยลอเรลได้ และในอาณาจักรแห่ง West พวกเขาจะสามารถสวมใส่ผ้าคลุมที่มีรูปมาลัยลอเรลที่ด้านหลังได้ โดยจะสามารถนำไปประดับ Arms (ตราประจำครอบครัวขุนนาง) ของพวกเขาและประดับตราเล็กๆไว้ที่ด้านหน้าได้ มาลัยลอเรลนี้เป็นสัญลักษณ์ของชาวกรีกที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของเทพอะพอลโล เทพเจ้าแห่งศิลปะของชาวกรีกอีกด้วย
The Order of the Pelican - “ภาคีแห่งเมธาชน”
  • สมาชิกของภาคีแห่งเมธาชนนี้ได้กระทำคุณงามความดีอย่างใหญ่หลวงเหนือยิ่งกว่าผู้ใดในอาณาจักร สมาชิกของภาคีแห่งเมธาชนจะสามารถสวมใส่เหรียญกระษาปณ์รูปนกกระทุงขณะกำลังเลี้ยงลูกอ่อนด้วยเลือดของมันเองโดยใช้ปากเจาะเลือดจากอกของมัน ผ้าคลุมที่มีสัญลักษณ์เดียวกันทั้งหน้าและหลัง รูปนกกระทุงที่กำลังป้อนเลือดของตนเองแก่ลูกอ่อนนี้บ่งบอกถึงการเสียสละตนเพื่อผู้อื่น รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ในยุคกลางที่บ่งบอกถึงพระเยซู สัญลักษณ์ของการเสียสละอันยิ่งใหญ่อีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมี The Order of the Rose ภาคีแห่งกุหลาบซึ่งจะมอบให้แก่ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นควีนทุกพระองค์ แต่ละภาคีเหล่านี้มีระดับที่เท่ากัน คนสองคนที่มภาคีแห่งีฐานันดรไม่เหมือนกันจะถือว่ามีระดับชั้นที่เท่าเทียมกัน

นอกเหนือจากนี้ แต่ละเขตปกครอง แต่ละอาณาจักรก็จะมียศ มีตำแหน่ง ที่บ่งบอกถึงคุณงามความดีและการยอมรับ อีกเยอะแยะมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีการเสนอชื่อจากพวกพ้อง ก็อาจะทำให้ได้รับ Award of Arms ทำให้สามารถมีคำว่า Lord นำหน้าชื่อของตนเองได้เป็นต้น

Patent of Arms (Order of the Laurel) ของ Mistress Evelynne van der Haagen Beatrice Delfini
--------------------------------

และนี่ก็คือ Society for Creative Anachronism (SCA) การเล่นเกมสวมบทบาทในโลกยุคกลางกับผู้เล่นนับแสนทั่วโลกครับ